พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่า คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ยกฟ้องจำเลยทั้ง 4 ในคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อปี 2551 เป็นไปตามกฎหมายและดุลยพินิจของศาล ซึ่งหลังจากนี้ หากมีการชุมนุมก็จะต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ที่มีผลบังคับใช้แล้ว
ทั้งนี้ แม้ผลคำพิพากษาที่ออกมา จะส่งผลให้กลุ่มพันธมิตรฯ บางส่วนไม่พอใจ และอาจมีการรวมตัวคัดค้านคำพิพากษาของศาลนั้น มองว่าทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ซึ่งหากจะมีการชุมนุม ต้องขออนุญาตก่อน โดยรัฐบาล และ คสช. มีหน้าที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อย เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายขึ้น
พร้อมกันนี้ พล.อ.ประวิตร ย้ำว่า คำพิพากษายกฟ้องคดีดังกล่าว ไม่มีผลกระทบกับการทำงานของรัฐบาล และคสช. รวมทั้งในการพิจารณาคดีใหญ่ๆ ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ก็ไม่กระทบต่อกระบวนการปรองดองด้วย เพราะเป็นคนละเรื่องกัน พร้อมระบุว่า ส่วนตัวไม่ได้มีการพูดคุยกับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชาย เพราะต่างคนต่างทำงาน มีดูแลกันบ้างในฐานะพี่น้องเท่านั้น