ประธานหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ คนใหม่ (นายโซจิ ซาคาอิ) พร้อมคณะผู้บริหาร เข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นางอภิรดี ตันตราภรณ์) เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2560 เพื่อรับทราบนโยบายด้านเศรษฐกิจ และหารือเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย พร้อมรายงานผลการสํารวจแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย ช่วงครึ่งแรกของปี 2560
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หอการค้าญี่ปุ่น (Japanese Chamber of Commerce : JCC) นำคณะผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาแนะนำตัว พร้อมหารือประเด็นทางเศรษฐกิจต่าง ๆ รวมถึงรายงานผลการสํารวจแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย ช่วงครึ่งแรก ของปี 2560 โดยผลการสำรวจดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า บริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทยมีแนวโน้มเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นกว่าครึ่งหลังของปี 2559 และคาดว่าเศรษฐกิจในประเทศไทยจะปรับตัว ดีขึ้นในครึ่งหลังของปี 2560 ทั้งนี้ บริษัทญี่ปุ่นร้อยละ 44 มีแผนจะขยายการลงทุนในประเทศ และบริษัทญี่ปุ่น อีกร้อยละ 50 จะไม่เปลี่ยนแปลงปริมาณการส่งออกจากประเทศไทย ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ยืนยัน ว่าจะพยายามอย่างเต็มในการเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขัน เพื่อก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง และ พัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น 4.0 (Local Economy 4.0) โดยมุ่งเน้นการยกระดับความสามารถในการแข่งขัน เพื่อเพิ่มรายได้ของประชาชนในท้องถิ่น และกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาคภายใต้หลักคิดของนายกรัฐมนตรี (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) ที่ว่า "เราจะเดินหน้าไปด้วยกัน" และ "จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง"
นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังให้ความสำคัญต่อการเสริมสร้างความเชื่อมโยงใน CLMVT โดยพร้อมที่จะเป็นฐานการส่งออกของภูมิภาคอาเซียนผ่านการเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่ง การคมนาคม และการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของกลุ่มประเทศ CLMVT ซึ่งจะเชื่อมโยงกับนโยบาย “connected industries” และยุทธศาสตร์ “Thailand Plus One” ของญี่ปุ่น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้แจ้งภาคเอกชนญี่ปุ่นอีกว่า “กระทรวงพาณิชย์มุ่งเน้น การสร้างบรรยากาศเพื่ออำนวยความสะดวกทางด้านการค้าและการลงทุน ล่าสุด ได้เปิดให้บริการ “ระบบจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration)” อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2560 เพื่ออำนวยความสะดวกในการจดทะเบียนนิติบุคคลให้ทันสมัยและรวดเร็วยิ่งขึ้น”
อย่างไรก็ดี เนื่องในโอกาสครบรอบ ๑๓๐ ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–ญี่ปุ่น กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จะจัดงานสัมมนาส่งเสริมการลงทุนสำหรับนักธุรกิจ
และภาคเอกชนญี่ปุ่นในเดือนกันยายน 2560 เพื่อประชาสัมพันธ์ศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทย และ ศึกษาดูงานโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมทั้งกิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจและการลงทุนระหว่างผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่น โดยประธานหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ ยินดีที่จะ ช่วยประชาสัมพันธ์แก่นักธุรกิจและนักลงทุนญี่ปุ่นในและนอกประเทศต่อไป
ในปี 2559 ญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนอันดับ 1 โดยมีมูลค่าการลงทุน 57,898 ล้านบาท และปัจจุบันมีเงินลงทุนสะสมโดยตรงในไทย (ปี 2548-2559) 1,351,546 ล้านบาท และคู่ค้าอันดับ 2 ของไทย (รองจากจีน) โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2555-2559) มีมูลค่าการค้าเฉลี่ยปีละ 70,510.61 ล้านเหรียญสหรัฐ และในปี 2559 การค้า รวมระหว่างไทยกับญี่ปุ่นมีมูลค่า 51,241 ล้านเหรียญสหรัฐ อัตราการเติบโตลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ 0.11 สำหรับสินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปญี่ปุ่น ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์พลาสติก เม็ดพลาสติก เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เป็นต้น ส่วนสินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากญี่ปุ่น ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ แผงวงจรไฟฟ้า สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ และเครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ เป็นต้น
ในปี 2559 มีคนญี่ปุ่นอาศัยอยู่ในประเทศไทยมากกว่า 70,000 คน ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย จำนวน 1,439,629 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ร้อยละ 4.19 ซึ่งเป็นอันดับ 4 รองจากจีน มาเลเซีย และเกาหลีใต้ ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น จำนวน 901,458 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ร้อยละ 13.14