ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
เศรษฐกิจชุมชน ย้อนกลับ
สภาอุตฯวอนรัฐบาลใหม่แก้ค่าไฟฟ้าเป็นอันดับแรก
31 พ.ค. 2566

นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 29 ในเดือนพฤษภาคม 2566 ภายใต้หัวข้อ “ภาคอุตสาหกรรมคิดอย่างไรต่อ MOU พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล” พบว่า ภายหลังจากที่ 8 พรรคการเมืองได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจร่วม (MOU) ในการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นสิ่งใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในทางการเมืองของไทยมาก่อน ข้อตกลงร่วมทั้ง 23 ข้อภายใต้ MOU นั้น หลายเรื่องมีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย

โดยจากผลสำรวจฯ ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ คาดหวังให้รัฐบาลใหม่เร่งดำเนินการในเรื่องการปรับปรุงโครงสร้างการผลิตไฟฟ้า การคำนวณราคา และกำลังการผลิตที่เหมาะสม เพื่อลดค่าครองชีพประชาชนและสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ตามที่ระบุใน MOU โดยเร็ว ซึ่งเป็นประเด็นที่ภาคอุตสาหกรรมได้มีการเรียกร้องมาตลอดในช่วงที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ผู้บริหาร ส.อ.ท. มองว่า นอกจากข้อตกลงร่วมทั้ง 23 ข้อ ภายใต้ MOU ที่ได้ลงนามไปแล้วนั้น ยังมีเรื่องสำคัญที่รัฐบาลใหม่ควรให้ความสำคัญและดำเนินการเพิ่มเติม เช่น การส่งเสริมและพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรม เพื่อสร้างโอกาสใหม่แก่ประเทศ, การยกระดับให้ผลิตภาพแรงงานเป็นวาระแห่งชาติ, การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เป็นต้น โดยมีการกำหนดให้การปฏิรูปกฎหมาย กฎระเบียบ และการขออนุญาตภาครัฐ ให้มีความสะดวก โปร่งใส เทียบเคียงกับประเทศที่พัฒนาแล้ว เป็นเป้าหมายลำดับแรกๆ ในการดำเนินงานของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่จะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในทุกมิติ

จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 252 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 29 จำนวน 3 คำถาม ดังนี้

1.  ภาคอุตสาหกรรมต้องการให้เร่งดำเนินการตามข้อตกลงร่วมใน MOU ของพรรคร่วมรัฐบาล ในเรื่องใด (Multiple choices)

อันดับที่ 1 : ปรับปรุงโครงสร้างการผลิตไฟฟ้า การคำนวณราคา 75.8% และกำลังการผลิตที่เหมาะสม เพื่อลดค่าครองชีพประชาชนและสร้างความมั่นคงทางพลังงาน    

อันดับที่ 2 : แก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นโดยการสร้างระบบและวัฒนธรรมรัฐโปร่งใส 71.4%เปิดเผยข้อมูลรัฐในทุกหน่วยงาน    

อันดับที่ 3 : ร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยยึดหลักเพิ่มรายได้ประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำ 65.9% และสร้างระบบเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างเป็นธรรม

 

อันดับที่ 4 : ยกเครื่องกฎหมายเกี่ยวกับการทำมาหากิน และการดำรงชีวิตของประชาชน 57.5%   เช่น ตัด ลด หรือพักใช้ชั่วคราวซึ่งใบอนุมัติอนุญาตที่ไม่จำเป็นและเป็นอุปสรรคเพื่อ  ปรับปรุงใหม่ ให้ความช่วยเหลือสภาพคล่องทางด้านการเงินและสร้างแต้มต่อให้กับ SME

อันดับที่ 5 : ปฏิรูประบบการศึกษาเพื่อยกระดับคุณภาพ ลดความเหลื่อมล้ำ  54.0%   และส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต

2.  เรื่องที่ภาคอุตสาหกรรมอยากให้เพิ่มเติมจากข้อตกลงร่วมใน MOU พรรคร่วมรัฐบาลที่ได้ลงนามไปแล้ว (Multiple choices)

อันดับที่ 1 : ส่งเสริมและพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรม 67.9% เพื่อสร้างโอกาสใหม่และความพร้อมของประเทศในอนาคต

อันดับที่ 2 : ยกระดับให้ผลิตภาพแรงงานเป็นวาระแห่งชาติ  58.7%  เพื่อพัฒนาศักยภาพแรงงาน สร้างความสามารถในการแข่งขันกับประเทศคู่แข่ง  และมุ่งเน้นการสร้าง การพัฒนาบุคลากรตามความต้องการของอุตสาหกรรม

อันดับที่ 3 : การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เช่น 58.7%  การบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ การแก้ไขปัญหาน้ำเสีย มลพิษทางอากาศ การจัดการขยะครบวงจร เป็นต้น

อันดับที่ 4 : พัฒนาและยกระดับระบบโครงข่ายคมนาคมขนส่ง และ Logistic ของประเทศ  56.7%  สร้างระบบ Multimodal Transport รวมทั้งมีการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน

3.  ภาคอุตสาหกรรมอยากให้พรรคร่วมรัฐบาลนำเรื่องใดมากำหนดเป็นเป้าหมายการทำงานของรัฐบาลชุดใหม่ (Multiple choices)

อันดับที่ 1 : ปฏิรูปกฎหมาย กฎระเบียบ และการขออนุญาตภาครัฐ 72.6% ให้มีความสะดวก โปร่งใส เทียบเคียงกับประเทศที่พัฒนาแล้ว

อันดับที่ 2 : ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และลดระดับหนี้ครัวเรือนให้ลดลง 52.4% ไปอยู่ในระดับที่ยั่งยืน (ต่ำกว่า 80% ของ GDP)

อันดับที่ 3 : แก้ไขปัญหาแรงงาน และเร่งเพิ่มผลิตภาพแรงงาน (Labor Productivity) 47.6%

อันดับที่ 4 : เพิ่มสัดส่วนงบประมาณลงทุนของภาครัฐให้เพิ่มขึ้นและลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นลง 45.6%

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...