นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ เปิดเผยว่า พม. โดยกรมกิจการผู้สูงอายุ ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ดำเนินการไปตรวจสอบและให้การช่วยเหลือพบว่าปัจจุบันเด็กอายุ 4 ปี ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนบ้านมะขามทานตะวัน อำเภอห้วยราช จังหวัดบุรีรัมย์ บิดามารดาเด็กออกไปประกอบอาชีพที่ต่างจังหวัด ไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดูเด็ก เด็กอาศัยอยู่กับย่า อายุ 67 ปี พิการทางการมองเห็น และปู่ อายุ 68 ปี พิการทางการมองเห็น มีโรคประจำตัวความดันโลหิตต่ำ และอาของเด็ก อายุ 21 ปี ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป โดยอาเด็กเป็นผู้หารายได้หลักให้กับครอบครัว ครอบครัวเด็กได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เบี้ยยังชีพผู้พิการ และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีที่ดินทำกิน 20 ไร่ และจากการที่เปิดรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือนั้น ปัจจุบันได้ดำเนินการประกาศปิดรับบริจาค โดยได้รับเงินบริจาคแล้วกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวนเพียงพอสำหรับครอบครัวของคุณย่าและหลานแล้ว
นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ ยังเปิดเผยอีกว่า หน่วยงานในสังกัดกระทรวง พม. ได้ให้การช่วยเหลือกรณีดังกล่าวแล้ว ได้แก่ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดบุรีรัมย์ และศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบุรีรัมย์ ได้มอบถุงยังชีพเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับครอบครัวของผู้ประสบปัญหา และมอบเงินช่วยเหลือ จำนวน 1,000 บาท บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดบุรีรัมย์ พิจารณางบซ่อมเสริมสร้างบ้านที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก โดยใช้งบประมาณ CSR จังหวัดบุรีรัมย์ พิจารณาช่วยเหลือเงินสงเคราะห์ผู้ประสบปัญหาทางสังคม ตามภารกิจของหน่วยงาน ศูนย์บริการคนพิการจังหวัดบุรีรัมย์ จัดทำบัตรคนพิการใหม่ให้กับปู่และย่าเด็กแทนบัตรเก่าที่สูญหาย นอกจากนี้ยังทราบว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้มอบถุงยังชีพเครื่องอุปโภคบริโภค ติดตามดูแลด้านสุขภาพของผู้สูงอายุในครอบครัว ติดตามพัฒนาการตามช่วงวัยของเด็ก และติดตามเยี่ยมบ้านดูแลด้านสุขภาพในระยะยาวของครอบครัวเด็ก รวมทั้ง กระทรวงมหาดไทย ได้พิจารณาปรับปรับปรุงซ่อมบ้านของงบกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการผู้สูงอายุผู้ป่วยที่อยู่ในระยะถึงเฉียบพลันและผู้มีภาวะพึ่งพิง และกิ่งกาชาดอำเภอห้วยราชจังหวัด นายอำเภอห้วยราช ได้มอบถุงยังชีพเครื่องอุปโภคบริโภคและเงินสดจำนวน 2,000 บาทให้กับครอบครัว อีกด้วย