เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 14 มิถุนายน 2566 ที่สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย (คลองสาม) ถนนเลียบคลองสาม ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ผศ.(พิเศษ) ดร.วิระศักดิ์ ฮาดดา นายกสมาคม อบต.แห่งประเทศไทย นายธีรศักดิ์ พานิชวิทย์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์สมาคม อบต.ฯ นายบรรณ แก้วฉ่ำ ที่ปรึกษานายกสมาคม อบต.ฯ ร่วมกันแถลงข่าว กรณีการนำเสนอการกระจายอำนาจท้องถิ่นไปยังพรรคก้าวไกล
ผศ.(พิเศษ) ดร.วิระศักดิ์ ฮาดดา นายกสมาคม อบต.แห่งประเทศไทย กล่าวว่า สืบเนื่องจากสมาคม อบต.แห่งประเทศไทย ได้มีวาระการประชุม 3 สมาคมฯ เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.66 ที่ผ่านมา เพื่อจะทำเวิร์ดช๊อปในรายละเอียด และวันที่ 9 มิ.ย.สมาคมฯ ได้เชิญตัวแทนสมาคมฯ แต่ละจังหวัดทั่วประเทศได้นำเสนอปัญหาต่างๆ และวันนี้ (14 มิ.ย.) ทีมงานฝ่ายบริหารได้สรุปประมวนปัญหาต่างๆเหล่านั้นที่ทำเวิร์ดช๊อปเสนอใน 3 สมาคมฯ พร้อมกับคณะพรรคก้าวไกลที่สภาสันติบาลแห่งประเทศไทย โดยได้มีการประชุมปรึกษาหารือกันแล้วว่า มีเรื่องที่สำคัญโดยเฉพาะเรื่องที่จะยกเลิกระเบียบ ยกเลิกกฎหมาย ทำระเบียบใหม่ที่มันติดขัดเกี่ยวเรื่องการบริหารจัดการพื้นที่ ท้องถิ่น พื้นที่ซับซ้อนและทับซ้ำต่างๆ ทั้งหมด ซึ่งแทนที่จะกำกับดูแลแต่กลับมากำชับควบคุมทำให้การทำงานของท้องถิ่นเป็นไปด้วยตวามลำบาก แทนที่จะได้ดูแลประชาชนต้องมาติดขัดเรื่องระเบียบกฎหมาย ซึ่งแนวทางของสมาคมฯ ได้มีการสรุปประเด็นต่างๆ โดยจะให้พรรคก้าวไกลได้นำเข้าไปสู่ยุทธศาสตร์ในการที่จะแก้ไขปัญหาท้องถิ่น
ทางด้าน นายธีรศักดิ์ พานิชวิทย์ ประธานคณะกรรมการด้านยุทธศาสตร์ สมาคม อบต.แห่งประเทศไทย กล่าวว่า สมาคม อบต.แห่งประเทศไทย เป็นสมาคมฯ ที่มีหน้าที่จะที่ต้องเร่งรัดในการยกระดับให้ระบบราชการท้องถิ่นรูปแบบ อบต. ให้เป็นรูปแบบในการทำงานมากขึ้น โดยมี 3-4 มิติที่จะนำเสนอ คือเรื่องประเด็นที่เกี่ยวกับโครงสร้างการขับเคลื่อนองค์กรท้องถิ่นในภาพรวมระดับประเทศให้เข้าใจในทิศทางเดียวกันว่า เดิมทีราชการส่วนท้องถิ่นอยู่ใต้กำกับของกระทรวงมหาดไทย และก็ไปเชื่อมโยงภารกิจกับสำนักนายกรัฐมนตรีในเรื่องของการกระจายอำนาจ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาท้องถิ่นมาก ดังนั้นสมาคมฯ จะเสนอในวันพรุ่งนี้ (15 มิ.ย.) ที่เข้าสู่เวที 3 สมาคมฯ เพื่อเสนอต่อพรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็นพรรคก้าวไกล พรรคอื่นใดก็แล้วแต่ ที่ในวันข้างหน้าเป็นแกนนำในการจัดตั้งขับเคลื่อนประเทศไทย ในฐานะนายกรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้องกับการออกกฎหมายนั้นก็คือให้มีเสนอการจัดตั้งสำนักงานปกครองท้องถิ่นแห่งชาติขึ้นมา เพื่อเป็นกลไกกลางเทียบเท่ากระทรวงระดับกระทรวง โดยนำอำนาจหน้าที่ภารกิจต่างๆ ที่เดิมอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย เอาภารกิจต่างๆ ที่อยู่สำนักนายกรัฐมนตรีกระจายอำนาจมาไว้กับหน่วยราชการที่เดียวจะเกิดรูปแบบสำนักงานการปกครองท้องถิ่นแห่งชาติ เป็นกลไกขับเคลื่อนระบบราชการแทนระบบเดิมที่มี โดยสรุปกรอบข้อเสนอเบื้องต้น ที่จะนำสู่การประชุมร่วมคือ
1.เสนอให้ระบบราชการท้องถิ่น มีหน่วยงานหลักเป็นของตนเอง ซึ่งอาจมีชื่อเรียกได้ว่า"สภาการปกครองท้องถิ่นแห่งชาติ" ที่มีฐานะเทียบเท่ากระทรวง โดยนำกรอบงานด้านการกำกับดูแล การออกแบบการบริหารงานบุคคล ด้านงบประมณ ด้านอำนาจหน้าที่ ในส่วนของกระทรวงมหาไทยเดิม และให้นำสำนักงานกระจายอำนาจ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในการกำกับดูแลของสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้นำสองหน่วยงานมาอยู่ที่เดียวกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารงานในอนาคต
2. เสนอให้รูปแบบ อปท. มี 2 รูปแบบ คือรูปแบบทั่วไป อบจ. เทศบาล เปลี่ยน อบต. เป็นเทศบาล รูปแบบพิเศษ เดิมมี พัทยา กรุงเทพมหานคร และให้จังหวัดหรือพื้นที่ใดที่มีความพร้อมสามารถจัดตั้งเป็นท้องถิ่นรูปแบบพิเศษได้ จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาขบวนการจัดทำ พรบ. ที่เป็นรูปแบบจังหวัดจัดการตนเอง ส่วนที่สองเสนอให้มีการพิจารณาวาระการดำรงตำแหน่งจากเดิม 4 ปี เป็น 5 ปี เนื่องจากเดิมการทำงานไม่สอดคล้องในแผน 5 ปี จึงเห็นควรให้ท้องถิ่นสามารถทำงานตามแผนยุทธ์ศาสตร์ที่วางไว้ได้ครอบคลุม ข้อเท็จจริงผู้บริหารสามารถทำงานได้เพียงสามปี
3.เสนอให้การเร่งรัดการแก้ไขปัญหาอุปสรรค เร่งด่วนประกอบด้วยแนวทางการกำกับดูแล ระดับอำเภอ จังหวัด กระทรวง ที่เป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานด้านการบริงานบุคคลด้านแผนงาน และงบประมาณรวมถึงด้านการใช้อำนาจหน้าที่พิจารณาประเด็นการแทรกแซงการดำเนินงานของ อปท. ด้านการขอรับงบประมาณจากท้องถิ่น สมาคมจะนำแนวทางดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุม ในวันที่ 15-16 มิ.ย.นี้ เพื่อให้รัฐบาลและทุกพรรคการเมือง ร่วมกันผลักดันให้ระบบราชการท้องถิ่นเป็นระบบราชการหลักของในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนขั้นพื้นฐาน โดยหน่วยงานอื่นไม่สามารถมาดำเนินงานทับซ้อนกับหน่วยงานราชการท้องถิ่นได้
ส่วน นายบรรณ แก้วฉ่ำ ที่ปรึกษานายก อบต.แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีมากแต่เดิมระเบียบกฎหมายของท้องถิ่น นายกท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่น ราชการท้องถิ่น ไม่ได้มีโอกาสเข้าไปยกร่างแก้ไขปรับปรุงครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่มีพรรคการเมืองที่มีคะแนนเสียงมากสุดในสภามารับฟังความคิดเห็นจากท้องถิ่นโดยเป้าหมายสูงสุดที่สมาคมฯ ได้เตรียมการก็คือทำอย่างไรให้องค์กรปกครองท้องถิ่นสามารถจัดบริการสาธารณประโยชน์ให้กับประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดเรามีเป้เหมายหลักอย่างเดียวข้อเสนอทุกๆประเด็นที่จะรวบรวมไปนำเสนอในประชุมร่วม 3 สมาคมในวันที่ 15-16 นี้เพื่อส่งต่อให้พรรคการเมืองเราจะนำเสนอต่อทุกพรรคไม่เฉพาะพรรคก้าวไกลเพราะว่าทุกพรรคการเมืองมี ส.ส. ในสภา มีหน้าที่โดยตรงที่จะขับเคลื่อนแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวกับท้องถิ่นทั้งหมดประเด็นสำคัญที่ทั้งสามสมาคมฯ เห็นร่วมกันเรื่องสภาท้องถิ่นมีอำนาจบทบาทในการจัดทำระเบียบต่างๆขึ้นใช้ในท้องถิ่นนั้นเอง แทนระเบียบกระทรวงมหาดไทยจะเป็นโอกาสที่ให้การจัดการกระจายอำนาจกับประชาชนโดยองค์กรท้องถิ่นนั้นสามารถดำเนินการได้ตรงต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่ท้องถิ่น7,852 แห่งทั่วประเทศจะเป็นกำลังหลักในการพัฒนาประเทศนี้ต่อไป
นอกจากนี้ ผศ.(พิเศษ)ดร.วิระศักดิ์ ฮาดดา นายก สมาคมฯ ยังกล่วเสริมอีกว่า ในการเข้าไปพูดคุยกับพรรคการเมืองโดยมีการสรุปประเด็นที่จะเสนอในวันพรุ่งนี้ไมว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือไม่มีรัฐบาลการกระจายอำนาจมันเป็นหน้าที่ของ ส.ส.หน้าที่ของพรรคการเมืองทุกพรรคที่จะต้องสนับสนุนข้อมูลต่างๆ ก็จะต้องเข้าสู่สภา ตนมั่นใจว่า ทุกพรรคการเมืองเล็งเห็นเรื่องการกระจายอำนาจทุกพรรคการเมืองน่าจะสนับสนุนการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เราไม่กังวลว่าพรรคก้าวไกลจะเป็นรัฐบาลหรือไม่เป็นรัฐบาล สิ่งต่างๆเหล่านี้ เป็นเรื่องการนำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน การกระจายอำนาจการใช้กฎหมายระเบียบที่มีปัญหาอุปสรรคต่อการบริหารท้องถิ่นเรื่องนี้ใครจะมาเป็นรัฐบาลตนเองมั่นใจว่า ถ้าข้อมูลเข้าไปในสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.ทุกคน ทุกพรรคการเมืองจะสนับสนุน 3 สมาคมได้ทำเวิร์ดช๊อปและร่วมกันพรีเซนต่อพรรคก้าวไกลอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อท้องถิ่นและพรรคก้าวไกลจะรวบรวมเป็นเล่มเหมือนทำยุทธศาสตร์นโยบาย 300 ข้อ
สมเกียรติ ทรัพย์เฉลิม / หน.ข่าวภูมิภาค