‘สทท.’ หวั่นม็อบลงถนน ฉุดเชื่อมั่นภาคการท่องเที่ยว ซ้ำเติมผู้ประกอบการเหนื่อยต่ออีกยก เรียกร้องจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็ว ไร้รอยต่อ ออกมาตรการ ‘บูสเตอร์ช็อต’ กระตุ้นท่องเที่ยวครึ่งปีหลัง
นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า จากสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นอีกครั้ง เช่น ม็อบลงถนน จะกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวที่เพิ่งฟื้นตัวจากวิกฤติโควิด-19 เพราะถ้านักท่องเที่ยวลดลงจนมีอัตราการเข้าพักต่ำกว่าระดับ 30% เราจะเหนื่อยและอยู่ไม่ไหว สทท.จึงขอเรียกร้องให้มีการจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จโดยเร็ว เพื่อการบริหารประเทศแบบไร้รอยต่อ เดินหน้ากันต่อไปให้ได้
พร้อมขอให้รัฐบาลใหม่ออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งเปรียบเสมือนวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือ บูสเตอร์ช็อต สนับสนุนผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะรายเล็ก หลังจากบูสเตอร์ช็อตต่างๆ ได้หมดแม็กซ์ไปแล้ว เช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ขณะเดียวกันต้องการให้อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติมากยิ่งขึ้น เช่น การยื่นขอวีซ่า ที่กำลังเป็นประเด็นในตลาดนักท่องเที่ยวจีนว่าเข้มงวดและล่าช้า ซึ่งเป็นความหวังของภาคท่องเที่ยวไทยในไตรมาส 3 ว่าจะเข้ามาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
“สทท.อยากให้รัฐบาลในอนาคตดึงกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามาไว้ในอ้อมกอด ร่วมกับเอกชนดูแลฝั่งซัพพลาย ในส่วนของ สทท.สามารถทำงานร่วมได้กับทุกพรรค ทั้งนี้ไม่อยากเห็นภาพม็อบลงถนน เพราะจะกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทยในเวลานี้”
นายชำนาญ ประธาน สทท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาคท่องเที่ยวไทยมี 2 ข่าวดี และ 2 ความท้าทาย ข่าวดีแรกคือ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เกิน 2 ล้านคนต่อเดือน เป็นเวลา 7 เดือนติดต่อกันตั้งแต่เดือน ธ.ค. และทำให้ในช่วงครึ่งปีแรกตั้งแต่เดือน ม.ค.-มิ.ย. ของปี 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม 12.8 ล้านคน ต่ำกว่าเป้าหมายครึ่งปีแรก 13 ล้านคนเพียงเล็กน้อย โดย สทท.ยังคงเป้าหมายตลอดปีนี้ไว้ที่ 30 ล้านคน อีกข่าวดีก็คือได้มีการปลดล็อกโรงแรมขนาดเล็กให้เข้าสู่ระบบได้อย่างถูกกฎหมายและปลอดภัย
ส่วน 2 ความท้าทาย คือ ตัวเลขนักท่องเที่ยวในไตรมาสนี้เริ่มชะลอตัวลง และการฟื้นตัวของรายได้เป็นลักษณะ K Shape คือ 34% ของผู้ประกอบการมีรายได้เพิ่ม อีก 34% รายได้ลด โดยผู้ที่รายได้เพิ่ม คือ ผู้ที่มีทุน มีความรู้ และมีนวัตกรรม ดังนั้น สทท. ขอฝากรัฐบาลชุดใหม่ให้เร่งออกนโยบายพัฒนา SME ท่องเที่ยว และเติมบูสเตอร์ช็อต ดันแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยว ทั้งตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ (Inbound) และไทยเที่ยวไทยควบคู่กัน
นางสาวผกากรอง เทพรักษ์ อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย กล่าวว่า สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในไตรมาสที่ 2/2566 เท่ากับ 72 อยู่ในระดับต่ำกว่าปกติมาก และลดลงกว่าไตรมาสที่ผ่านมา สะท้อนถึงความกังวลของผู้ประกอบการและรายได้ที่ลดลง ส่วนไตรมาส 3/2566 คาดการณ์ดัชนีความเชื่อมั่นฯ เพิ่มขึ้นเป็น 80
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วประเทศกลับมาประมาณ 60% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 ด้านการจ้างงานธุรกิจที่พักแรม ผู้ประกอบการ 10% ระบุว่ายังขาดแคลนแรงงาน สะท้อนว่าในช่วงโลว์ซีซั่นมีความต้องการแรงงานไม่มากเท่าไฮซีซั่น
ประเมินด้วยว่านักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2566 จะมีจำนวน 29.35 ล้านคน ไปไม่ถึง 30 ล้านคนตามที่ สทท.คาดการณ์ เพราะภาวะเศรษฐกิจโลกกดดัน ตลาดหลักฝั่งตะวันตก เช่น สหรัฐ เยอรมนี และสหราชอาณาจักร เผชิญปัญหาเศรษฐกิจถดถอยชัดเจนมากขึ้น ส่วนตลาดญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากเงินเยนอ่อนค่า มาเที่ยวไทยน้อยลง
“เครื่องยนต์หลักอย่างภาคการส่งออกติดลบมาหลายเดือนติดต่อกัน เหลือแค่ภาคการท่องเที่ยวที่จะเป็นพระเอกในปีนี้ จำเป็นต้องลดเงื่อนไขการเดินทางเข้าประเทศไทยให้มากที่สุด เพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาอย่างสะดวก”