กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดพื้นที่ให้ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ OTOP ได้พบผู้ซื้อสินค้าจากช่องทางจำหน่ายของ Modern Trade ช่วยขยายตลาดให้สินค้า OTOP เป็นที่รู้จักไปได้ไกล และมีพิธีมอบรางวัลให้แก่ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ OTOP ที่เป็นที่สุดของการพัฒนา TOP of The Best OTOP Select 77Experience 14 รางวัล ปั้นให้เป็นไอดอลของผู้ผลิต OTOP รายอื่นได้เดินตาม ตอกย้ำด้วยความรู้จากนักธุรกิจ ที่ประสบความสำเร็จ ชี้เส้นทางลัดสู่ความมั่นคง ตั้งเป้า OTOP ต้องขยายตัวต่อเนื่องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ต่อปี
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และประธานการเปิดงาน เปิดเผยว่า ในวันนี้ (11 สิงหาคม 2560) กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้จัดงาน “การเจรจาธุรกิจและเชื่อมโยงช่องทางการตลาด OTOP Select 2017” ขึ้น ณ ห้องฟินิกซ์ 1-6 ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพค เมืองทองธานี กระทรวงพาณิชย์ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการการตลาดในคณะกรรมการอำนวยการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์แห่งชาติ ได้เร่งดำเนินการขับเคลื่อนตามนโยบาย ‘การผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน OTOP’ อันเป็นเป้าหมายหนึ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมากเพราะเป็นการดำรงภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชนให้คงอยู่ยั่งยืนประกอบกับสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนด้วยเอกลักษณ์และฐานรากของความเป็นไทย รวมถึงสอดรับกับนโยบายเศรษฐกิจฐานราก (Local Economy) ของรัฐบาลเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากท้องถิ่นไทยเชื่อมโยงสู่เศรษฐกิจโลก
กิจกรรมภายในงานการเจรจาธุรกิจและเชื่อมโยงช่องทางการตลาด OTOP Select 2017 แบ่งเป็น 3 กิจกรรมคือ 1) การเจรจาธุรกิจ (Business Matching) เป็นการสร้างโอกาสให้ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ OTOP ได้พบกับฝ่ายจัดซื้อของธุรกิจ Modern Trade เพื่อสร้างเครือข่ายธุรกิจและเจรจาขยายช่องทางการตลาดให้เปิดอย่างอิสระมากขึ้นและช่วยเปิดช่องทางลัดให้ผลิตภัณฑ์ OTOP สามารถกระจายสู่ทั่วประเทศและในตลาดต่างประเทศได้ 2) การสัมมนา ใน 3 หัวข้อได้แก่ เรื่อง พลิกแนวคิดสร้างกลยุทธ์การตลาด OTOP, การสร้างSmart OTOP ในยุค 4.0 และการเข้าสู่ช่องทางการตลาด OTOP อย่างไรให้สำเร็จ กิจกรรมในส่วนนี้จะช่วยพัฒนาผู้ประกอบธุรกิจให้เข้าใจตลาดพร้อมเรียนรู้การทำธุรกิจจากผู้ที่ประสบความสำเร็จ และก้าวไปสู่การเป็น Smart OTOP Trader และ 3) การมอบรางวัล ให้กับผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ OTOP ที่เป็นที่สุดของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับประเทศ TOP of The Best OTOP Select 77 Experience จำนวน 14 รางวัล
การจัดงานครั้งนี้เป็นการทำงานในรูปแบบประชารัฐ โดยที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (Buyer Trader) กว่า 40 ราย เข้าร่วมการพิจารณาคัดสรรผลิตภัณฑ์ OTOP 3-5 ดาว จาก 77 จังหวัด ทั่วประเทศ (เมื่อวันที่ 12-15 มิถุนายน 2560) ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการประเมินมาตรฐานคุณภาพจำนวน 2,011 ราย แบ่งเป็น 4 ประเภทคือ อาหารและเครื่องดื่ม, ผ้าและเครื่องแต่งกาย, ของใช้ของตกแต่ง และสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร เข้าร่วมคัดเลือกเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ใน 3 ประเภทคือ 1) OTOP Select 2017 มีผู้ผ่านเกณฑ์จำนวน 1,253 ราย 2) Best of OTOP Select 77 Experience (ระดับจังหวัด) มีผู้ผ่านเกณฑ์จำนวน 314 ราย และ 3) TOP of The Best OTOP Select 77 Experience (ระดับประเทศ) มีผู้ผ่านเกณฑ์จำนวน 14 ราย โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะกลายเป็นต้นแบบให้กับผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ OTOP ได้ศึกษาและเป็นตัวอย่างให้ก้าวเดินตามความสำเร็จต่อไป
“อุปสรรคสำคัญที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ OTOP ไทยไม่สามารถเติบโตได้แบบก้าวกระโดดคือ ผู้ผลิตไม่มีความเข้าใจกลไกการตลาด ไม่มีช่องทางการจำหน่าย กำลังการผลิตไม่เพียงพอทำให้ไม่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้ และหากผลิตในปริมาณมากทำให้สินค้าไม่ได้มาตรฐานตามที่กำหนด และส่วนใหญ่ไม่มีการรับรองคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐานส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า ปัญหาเหล่านี้กระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความสำคัญและเดินหน้าพัฒนาองค์รวมอย่างเป็นระบบ พร้อมเป็นพี่เลี้ยงช่วยให้ผู้ผลิตสามารถบริหารจัดการธุรกิจในท้องถิ่นจนกระทั่งเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ OTOP ให้เข้าสู่มาตรฐานสากลและพร้อมจำหน่ายในต่างประเทศได้” รมช. กล่าว
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์เล็งเห็นว่าผลิตภัณฑ์ OTOP ที่ได้ผ่านการคัดสรรในประเภทต่างๆ กว่าร้อยละ 50 มีศักยภาพและมีความพร้อมที่จะพัฒนาต่อยอดให้ก้าวไปสู่ตลาดต่างประเทศได้อย่างไม่ยาก โดยกระทรวงฯ จะดำเนินการพัฒนาผู้ผลิตและผลักดันผลิตภัณฑ์เหล่านี้ให้เติบโตควบคู่กับมาตรฐานอันเป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมถึงสร้างการรับรู้ให้ผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาไทยกลายเป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ประกอบการ OTOP ที่ขึ้นทะเบียนจำนวน 8,891 กลุ่ม/ราย และมีผลิตภัณฑ์จำนวน 98,436 ผลิตภัณฑ์ แบ่งเป็นประเภทอาหาร 31,175 ราย เครื่องดื่ม 4,146 ราย, ผ้าและเครื่องแต่งกาย 21,203 ราย, ของใช้ ของตกแต่ง และของที่ระลึก 29,511 ราย และสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร 12,401 ราย (ข้อมูลจาก กรมการพัฒนาชุมชน) นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ OTOP ยังสามารถสร้างมูลค่าทางการค้าได้สูงถึง 125,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ต่อปี