วันนี้ 5 กรกฎาคม 2566 เวลา 09.00 น. นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร มอบหมายให้นางนันท์ฐิตา ศิริคุปต์ รองอธิบดีกรมศุลกากร และนายสุรเดช ตรงศิริวิบูลย์ ผู้อํานวยการสํานักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง มอบหมายให้นายวาริส วิสารทานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคการตรวจสอบสินค้า นายฐิติพงศ์ คำผุยผู้อำนวยการส่วนบริการศุลกากร 1 และนายศิริพงษ์ ศุภโกเศรษฐ์ ผู้อำนวยการส่วนบริการศุลกากร 2 สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังพร้อมคณะ ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมปศุสัตว์ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ สภาเกษตรกรแห่งชาติ และสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เพื่อตรวจสอบตู้ของตกค้างประเภทสุกรแช่แข็งที่ตกเป็นของแผ่นดิน จํานวน 161 ตู้คอนเทนเนอร์ ณ ท่าเทียบเรือ D1 ท่าเรือแหลมฉบัง ตําบลทุ่งสุขลา อําเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ตามที่สํานักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง กรมศุลกากร ได้ตรวจยึดซากสุกรแช่แข็งตกค้าง ณ ท่าเรือแหลมฉบัง จํานวน 161 ตู้ จากการตรวจสอบ พบซากสัตว์ที่ยึดได้ทั้งหมด มีแหล่งกําเนิดจากต่างประเทศและไม่มีแหล่งที่มาอย่างชัดเจน ประกอบกับ ไม่มีเอกสารรับรองการฆ่าสัตว์หรือสุขศาสตร์ของสัตวแพทย์ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดหรือ พาหะของ โรคระบาดสัตว์ที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคและเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ภายในประเทศ อันจะ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศได้
ต่อมากรมศุลกากรได้มีหนังสือถึงกองบัญชาการ ตํารวจสอบสวนกลางเพื่อให้ดําเนินคดีกับผู้กระทําความผิด รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งในฐานะ นิติบุคคลและในฐานะส่วนตัว ในความผิดฐานนําเข้าซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งต่อมา กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ ที่ 59/2566 กรณี ขบวนการนําเข้าสินค้าประเภท ซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
ทั้งนี้ กรมศุลกากรได้มีหนังสือส่งมอบตู้สินค้าประเภทสุกรแช่แข็งตกค้างให้แก่ด่านกักกันสัตว์ ชลบุรีกรมปศุสัตว์ เพื่อทําลายซึ่งภายหลังจากการตรวจสอบตู้สินค้าดังกล่าวเสร็จสิ้นด่านกักกันสัตว์ ชลบุรี กรมปศุสัตว์จะนําไปทําลาย ตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 ประกอบระเบียบ กรมปศุสัตว์ว่าด้วยการทําลายหรือจัดการ โดยวิธีอื่นซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์ที่นําเข้าหรือนําผ่าน ราชอาณาจักร พ.ศ. 2563 ต่อไป
ทั้งนี้เพื่อให้การดําเนินการเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่ถูกต้อง โปร่งใส สอดคล้องกับพันธกิจของกรมศุลกากรด้านการปกป้องสังคมและส่งเสริมเศรษฐกิจของ ประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน