นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ตามที่มีข่าวและภาพรถบรรทุกเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งการเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้งสร้างความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก โดยหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุคือ รถบรรทุกได้ทำการดัดแปลงตัวรถไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือต่อเติมดัดแปลงตัวรถให้บรรทุกสินค้าได้จำนวนครั้งละมากๆ ทำให้บดบังทัศนวิสัยและสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนอื่นๆ
กรมการขนส่งทางบกกำชับผู้ประกอบการและพนักงานขับรถ ห้าม!!! ทำการแก้ไขเพิ่มเติมหรือดัดแปลงสภาพรถหรืออุปกรณ์ส่วนควบของรถให้ผิดไปจากที่กฎกระทรวงได้กำหนดไว้ เช่น ต่อเติมตัวถังกระบะบรรทุกให้มีขนาด ความกว้าง ยาว สูง เกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด, ติดตั้งแผ่นยางบังโคลนยื่นล้ำเกินออกนอกตัวรถ หรือติดตั้งโคมไฟสปอตไลต์ หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับสูงสุด 50,000 บาท ตามมาตรา 71 ประกอบมาตรา 148 แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522
รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบกกล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกแนะนำข้อควรปฏิบัติด้านมาตรการ
ด้านความปลอดภัยสำหรับผู้ประกอบการและพนักงานขับรถบรรทุก ดังนี้
1.ก่อนที่พนักงานขับรถจะออกปฏิบัติหน้าที่ต้องตรวจสภาพความมั่นคงแข็งแรงของตัวรถและอุปกรณ์ส่วนควบด้านความปลอดภัยของรถบรรทุก รถลากจูง รถพ่วง ก่อนใช้งานทุกครั้ง
2.กำชับให้ผู้ขับรถต้องขับรถด้วยความระมัดระวัง ใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด ให้ผู้ขับรถพักผ่อน
อย่างเพียงพอ
3.ผู้ขับรถบรรทุกต้องไม่ใช้สารเสพติดและต้องไม่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในลมหายใจก่อนออกปฏิบัติหน้าที่
4.ผู้ประกอบการขนส่งที่มีการติดตั้งระบบ Global Positioning System (GPS) ในรถของตนเองให้ติดตามการใช้ความเร็วของรถบรรทุกอย่างต่อเนื่องผ่าน Application DLT-GPS แจ้งเตือนผู้ขับรถเมื่อพบว่ามีการใช้ความเร็วเกินกำหนด
5.หลีกเลี่ยงการจอดรถบรรทุกทิ้งไว้บนไหล่ทาง เพราะพื้นที่บริเวณไหล่ทางเป็นจุดบอดและยังเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุที่ควรระมัดระวังเป็นอย่างมาก และให้เดินรถเฉพาะช่องเดินรถซ้ายสุดเท่านั้น
กรมการขนส่งทางบก ย้ำ!!! ให้ผู้ประกอบการและพนักงานขับรถบรรทุกต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากพบพนักงานขับรถทำผิดจนเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง จะดำเนินการลงโทษผู้ฝ่าฝืนขั้นสูงสุดและมีโอกาสถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถได้ ทั้งนี้ หากประชาชนพบรถบรรทุกกระทำความผิดสามารถแจ้งเบาะแสมาได้ที่สายด่วน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง