นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า ประเทศไทยมีนโยบายการดูแลสุขภาพของประชากรทุกคน โดยเฉพาะเรื่องการให้บริการวัคซีน ซึ่งเป็นเครื่องมือสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคเพื่อป้องกัน ควบคุม ลดการป่วยรุนแรงและสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เช่นเดียวกับ ประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิด-19 การฉีดวัคซีนให้กับประชาชนอย่างทั่วถึงและรวดเร็วถือเป็นมาตรการสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตการณ์มาได้ และเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 กระทรวงสาธารณสุขของไทยได้ร่วมพิธีแสดงสัตยาบันกับสถาบันวัคซีนนานาชาติ (IVI) “Thailand-IVI Ratification Ceremony” ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี เพื่อระดมความร่วมมือจากนานาชาติ ในการสร้าง “อนาคตของวัคซีนเพื่อความมั่นคงทางด้านสาธารณสุขของประเทศ” โดยได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทยกับกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุข มุ่งเน้นความมั่นคงด้านสุขภาพ การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ระบบสุขภาพ การดูแลสุขภาพดิจิทัล และการส่งเสริมสุขภาพ ซึ่งทำให้เกิดการส่งเสริมความร่วมมือ ในการวิจัยและพัฒนาวัคซีนต่างๆ รวมถึงการพัฒนาบุคลากรด้านวัคซีน
นายแพทย์โอภาส กล่าวต่อไปว่า การพัฒนาเทคโนโลยีด้านวัคซีนนั้น ส่งผลให้การรักษาโรคมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น บุคลากรทางด้านวัคซีนต้องปรับตัวและเรียนรู้เทคโนโลยีอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้รับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที บันทึกความเข้าใจดังกล่าวเปรียบเสมือนการปูทางไปสู่การแบ่งปันความรู้และความเชี่ยวชาญของทั้งสองประเทศ โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือ เพื่อเสริมสร้างระบบสุขภาพของทั้งสองประเทศให้มีความมั่นคง รวมทั้งพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้เข้าถึงวัคซีนที่สำคัญต่อสุขภาพได้ดียิ่งขึ้น การลงนามในครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของประเทศไทย โดยกระทรวงสาธารณาสุขพร้อมที่จะให้การสนับสนุนเพื่อความร่วมมือเกิดขึ้นอย่างเต็มที่
แพทย์หญิงมิ่งขวัญ สุพรรณพงศ์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า โรงงานผลิตวัคซีนขององค์การเภสัชกรรม ได้ดำเนินการการวิจัยพัฒนาการผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สำหรับใช้ในกรณีที่มี การระบาดและวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล จนประสบความสำเร็จ และจากวิกฤตการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาองค์การเภสัชกรรม ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล เพื่อสร้างศักยภาพและเตรียมความพร้อมสำหรับโรคอุบัติซ้ำและอุบัติใหม่ โดยเริ่มวิจัยและพัฒนาการผลิตวัคซีนโควิด-19 ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำโดยใช้เทคโนโลยีการผลิตวัคซีนจากไข่ไก่ (Egg-based technology) นอกจากนี้ยังได้เริ่มการพัฒนาวัคซีนที่ผลิตจากเซลล์เพาะเลี้ยง (Cell-based technology)
การลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้เพื่อสร้างความร่วมมือกับ SK bioscience Co., Ltd ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลชนิดเชื้อตายจากเซลล์เพาะเลี้ยง (Cell-based inactivated influenza) ชนิด 3 สายพันธุ์ และ 4 สายพันธุ์ ในรูปแบบของวัคซีนพร้อมบรรจุ (Ready to fill bulk) และถ่ายทอดเทคโนโลยีกระบวนการบรรจุ เพื่อการผลิตวัคซีนสำเร็จรูป (Drug product) โดยองค์การเภสัชกรรม เพื่อให้มีการใช้สถานที่และระบบสนับสนุน (Facility and Utility) ทรัพยากรต่างๆ อย่างคุ้มค่าที่สุด รวมทั้งสร้างองค์ความรู้และ ความชำนาญให้กับบุคลากรอีกด้วย
บริษัท SK bioscience Co., Ltd จะเป็นผู้ให้คำปรึกษาและถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านกระบวนการผลิตและ องค์ความรู้ต่างๆ ให้กับองค์การเภสัชกรรม เพื่อสร้างมาตรฐานในระดับสากล เช่น WHO Prequalification รวมทั้งการศึกษาโอกาสที่จะตั้งโรงงานผลิตตัวยาสำคัญ (Drug substance) ในประเทศไทย หรือใช้สถานที่และระบบสนับสนุนขององค์การเภสัชกรรม ภายใต้การสนับสนุนจากหน่วยงานของภาครัฐ รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศไทย เพื่อสร้างศักยภาพในการรองรับการระบาดใหญ่ (Pandemic) การรับถ่ายทอดเทคโนโลยีดังกล่าวจะขยายขีดความสามารถในการผลิตวัคซีนสำหรับสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคและตอบสนองด้วยการเข้าถึงวัคซีนได้อย่างกว้างขวางทั้งประเทศไทยรวมถึงภูมิภาคอาเซียน
Mr. Jeon Joyoung อุปทูตรักษาสถานเอกอัคราชทูต สาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย กล่าวว่า การร่วมมือกันระหว่างองค์การเภสัชกรรมและบริษัท SK bioscience Co., Ltd จะช่วยเสริมสร้างความสามารถในการผลิตวัคซีนอย่างยิ่ง และนอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังมีโอกาสในการพัฒนาศักยภาพสำหรับการวิจัยและพัฒนาวัคซีนชนิดต่างๆ รัฐบาลของสาธารณรัฐเกาหลีจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที
Mr. Ahn Jae Yong ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท SK bioscience Co., Ltd กล่าวว่า บริษัท SK bioscience เป็นบริษัทผู้ผลิตและพัฒนาวัคซีนและผลิตภัณฑ์จากเทคโนโลยีชีวภาพ ส่งเสริมให้เกิดการวิจัยและพัฒนาและการผลิตวัคซีนด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้ทุกประเทศสามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่าง เท่าเทียมกัน และสามารถรับมือกับการระบาดของโรคต่างๆ ที่จะมีในอนาคต ด้วยความร่วมมือกับรัฐบาลของสาธารณรัฐเกาหลี รัฐบาลของประเทศต่างๆ หน่วยกำกับดูแลด้านสาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ผู้เชี่ยวชาญ และพนักงานของบริษัท SK bioscience มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบวัคซีนที่มีคุณภาพ และยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคน
ความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ ทั้งเทคโนโลยีในการผลิตจากบริษัท SK bioscience สถานที่และกระบวนการผลิตขององค์การเภสัชกรรม และการสนับสนุนจากหน่วยกำกับดูแลด้านสาธารณสุขของ ทั้ง 2 ประเทศ จะทำให้เกิดความร่วมมือที่แข็งแกร่ง และสามารถรับมือกับการระบาดของโรคต่างๆ ที่จะมี ในอนาคต SK bioscience จะยืนหยัดในการสนับสนุนและผลักดันให้เกิดการพัฒนาด้านสาธารณสุขทั่วโลก SK bioscience มุ่งมั่น และสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือในระดับสากล โดยอาศัยศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนา และการผลิตที่เป็นสากล SK bioscience จะถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการวิจัยและพัฒนาและการผลิตให้กับประเทศที่มีรายได้น้อย หรือรายได้ปานกลาง ที่มีข้อจำกัดในการผลิตวัคซีน เพื่อให้ทุกประเทศสามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างเท่าเทียมกัน SK bioscience กำลังอยู่ในระหว่างการหารือกับรัฐบาล และบริษัทท้องถิ่น ในประเทศต่างๆ ทั้งในตะวันออกกลาง และ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อผลักดันให้เกิดความร่วมมือ ในระดับสากล