เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองแพร่ อำนวยการโดย พ.ต.อ.นรินทร์ วรรณมณี ผกก.สภ.เมืองแพร่ พ.ต.ท.ยรรยงค์ สุริยะมณี องผกก.สส.สภ.เมืองแพร่ พ.ต.ท.ฐตภณ ทองวิภาวรรณ สว.สส.สภ.เมืองแพร่ นำโดย ร.ต.ต.วิษณุพงษ์ ธรรมราช รอง สว.(สส.) สภ.เมืองแพร่ พร้อมชุดสืบสวน สภ.เมืองแพร่ ร่วมกับจับกุมผู้ต้องหา คือนายกำพล ปะคำ หรือขวัญ อายุ 41 ปี บ้านเลขที่ 49/1 ม. 5 ต.แม่ยางตาล อ.ร้องกวาง จ.แพร่ โดยกล่าวหาว่า “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย” และ “ลักทรัพย์ในเคหสถานโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจัดกุม หรือรับของโจร” โดยมีของกลางดังนี้ รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮ้อนด้า รุ่น เวฟ 110 ไอ สีแดง,ขาว ทะเบียนหมายเลข กษม 483 แพร่ จำนวน 1 คัน เสือยืดแขนสั้นสีดำ (ที่ใช้ในการก่อเหตุ)จำนวน 1 ตัว เสื้อแขนยาวสีน้ำตาล (ที่สวมใส่ขณะก่อเหตุ) จำนวน 1 ตัว กางเกงกีฬาขาสั้น (ที่สวมใส่ขณะก่อเหตุ) จำนวน 1 ตัว รองเท้าแตะสีน้ำตาล (ที่สวมใส่ขณะก่อเหตุ) 1 คู่
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2566 เวลา 18.00 น. ที่ผ่านมา นางหยัด วรรณา อายุ 62 ปี บ้านเลขที่ บ้านเลขที่ 193 ม.1 ต.ทุ่งโฮ้ง อ.เมืองแพร่ จ.แพร่ เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ว่าบ้านถูกขโมยข้าวเปลือก จำนวน 2 กระสอบ จากนั้นจึงประสานสายตรวจตำบลทุ่งโฮ้ง และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสภ.เมืองแพร่ ลงพื้นที่ตรวจสอบและติดตามคนร้ายตามกล้องวงจรปิด ปรากฏว่าพบภาพกล้องวงจรปิดจากเพื่อนบ้านและกล้องในชุมชนพบชายต้องสงสัยขับขี่รถจักรยานยานฮอนด้าเวฟสีแดงขาว ใส่เสื้อสีน้ำตาลแขนยาว ใช้ผ้าปกปิดใบหน้า และขับรถกลับโดยมีกระสอบข้าวลักษณะเหมือนเจ้าทุกมาแจ้งจึงทำการตรวจสอบ และไล่กล้องจนสามารถติดตามคนร้าย ได้ที่บ้านเลขที่ 158 ม. 4 ต.วังหลวง อ.หนองม่วงไข่ จ.แพร่ ในเวลา 11.30 น.
สอบถามนางหยัด วรรณา เล่าว่า วันเกิดเหตุตนเองออกไปสวนตั้งแต่ 9 โมง ปิดบ้านไว้ไม่มีคนอยู่บ้าน และกลับมาอีกทีตอนประมาณ 11.30 น. ก็พบว่า ไม้ที่ใช้ทำปิดประตูถูกเปิดออกเหลือเพียงสามชั้นจึงขึ้นไปดูพบว่ากระสอบข้าวเปลือกที่เก็บในยุ้งข้าวหายไป 2 กระสอบ จึงได้เดินทางไปแจ้งความ หลังจากทราบว่าเจ้าหน้าที่ได้ติดตามตัวผู้ต้องหาได้ก็รู้สึกขอบคุณเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่ สำหรับตัวขโมยนั้นตนเองไม่รู้จักว่าเป็นใครแต่เคยเห็น มาทำงานแถวถนน และมักจะเดินมาปัสสาวะแถวซอยนี้บ่อยและเคยเอาแตงโมและขนมไปให้กินตอนมาทำงาน และทราบว่า คนร้ายเอาข้าวไปขายให้กับโรงสีข้าวใกล้บ้าน ตอนขนไปรอบแรกเอาไป 2 กระสอบและบอกกับเจ้าของโรงสีว่าจะไปเอามาอีก 2 กระสอบยังไม่รับเงินแต่มารอบสอบพบเพื่อนบ้านอยู่จึงกลับไปบอกโรงสีว่าพ่อไม่ให้ขายแล้วและให้คิดเงินเลย
เบื้องต้นทางด้านผู้ต้องหาให้การรับคำสารภาพว่าเป็นผู้กระทำจริงโดยนำเงินที่ได้จากการขายข้าวไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหมดแล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพชี้จุดเกิดเหตุ ก่อนทำการฝากขังและไปรับโทษตามกฎหมายต่อไป
กัญญาร ถิ่นทิพย์/แพร่