กาญจนบุรี – 8 หน่วยงานลงพื้นที่ตรวจสอบ หลังชาวบ้านเขาสามสิบหาบ รวมตัวเข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม มีประชาชนเข้าซื้อที่ดิน แล้วทำการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ จำนวน 2 จุด พร้อมปักหมุดล้อมรั้วลวดหนามปิดเส้นทางสาธารณะ แต่ต้องรอผลพิสูจน์สิทธิ์การครอบครองที่ดินก่อน
วันนี้ 12 ก.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้อยโท ทศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้สั่งการณ์ให้หน่วยงานเกี่ยวข้องประกอบด้วย ปลัดอำเภอท่ามะกา เจ้าหน้าที่ที่ดินอำเภอท่ามะกา เจ้าหน้าที่ กอ.รมน. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายกองค์การบริหารโคกตะบอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.ท่ามะกา เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ฯลฯ. เข้าทำการตรวจสอบพื้นที่ หลังจากมีชาวบ้านเขาสามสิบหาบ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ได้ลงชื่อเข้าร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรมว่า มีประชาชนต่างพื้นที่เข้าซื้อที่ดินบริเวณหมู่ที่ 8 เป็นจุดแรก แล้วได้นำรถแบ็คโฮเข้าทำการแผ้วถางป่าไม้ รวมถึงการขุดเส้นทางไหลของน้ำจากเดิมเปลี่ยนให้ไหลไปอีกเส้นทางอื่นแทน รวมถึงทำการปักหมุด และปิดเส้นทางสาธารณะ ที่ประชาชนในพื้นที่เคยใช้ร่วมกันมาช้านาน
ซึ่งบริเวณดังกล่าว นายไพโรจน์ เขียวแก้ว หัวหน้าป้าไม้ ได้สั่งการณ์ให้ นายชนะศักดิ์ จันทาสูงเนิน พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ลงพื้นที่ทำการตรวจสอบพื้นที่บริเวณดังกล่าวทั้ง 2 จุด จากการตรวจสอบทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้แจ้งว่า บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าไม้บางส่วน และได้ใช้เครื่อง จี พี เอส ทำการตรวจสอบ แต่การตรวจสอบในครั้งนี้สภาพอากาศไม่อำนวยเนื่องจากเกิดเมฆบดบังดาวเทียวไม่สามารถหาพิกัดได้ ดังนั้นจึงต้องเข้าไปตรวจสอบอีกครั้งในภายหลัง โดยผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงบริเวณดังกล่าวได้นำเอกสารไปแสดงการครอบครองพื้นที่ แจ้งว่ากำลังทำการขอออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินให้กับทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบว่า ที่ดินบริเวณดังกล่าวว่ามีพื้นที่เกือบ 300 ไร่ โดยจุดนี้บางส่วนผู้ครอบครองได้ทำการใช้รถแบ็กโฮขุดเป็นร่องน้ำ แต่ผู้ครอบครองที่ดินไม่ได้แจ้งกับหน่วยงานราชการให้ทราบก่อนที่ลงมือทำ
ต่อมาบริเวณสำนักสงฆ์ หมู่ที่ 1 เป็นจุดที่สอง ซึ่งอยู่ใกล้กับแรก ทางสำนักสงฆ์ ได้ขอใช้พื้นที่จากทางกรมป่าไม้ แต่ผู้ครอบครองรายเดียวกันได้ทำการปักหมุดพร้อมกับล้อมรั้วลวดหนามเกินเข้าไปในพื้นที่ป่าไม้ที่ทางสำนักสงฆ์ขอใช้พื้นที่ด้วยเช่นกัน ตรงจุดนี้ ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เจรจากับทางผู้ครอบครอง จนยอมรับว่าหากทำการล้อมรั้วเกินบริเวณดังกล่าวแล้วรุกพื้นที่ป่าไม้ ตนเองจะขอให้ทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ทำการชี้จุดพิกัดให้แน่ชัดอีก หากเกินก็จะรื้อรั้วลวดหนามออก ซึ่งทั้ง 2 จุด ต้องรอการพิสูจน์สิทธิ์ หากจุดใดทำการบุกรุกจะได้มีการดำเนินคดีกับผู้ครอบครองในภายหลัง ซึ่งจะต้องใช้เวลานานพอสมควร
และชาวบ้านในพื้นที่ได้เข้าไปร่วมตรวจสอบร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายแล้ว แจ้งว่า บางจุดมีการบุกรุกพื้นที่ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบแล้วชาวบ้านก็พอใจในการตรวจสอบขอให้เรื่องนี้เกิดความโปร่งใสและชัดเจน เพราะชาวบ้านบริเวณดังกล่าวอยู่กันมาช้านาน ทราบพื้นที่เป็นอย่างดี และก็ยินดีที่ทางผุ้ครอบครองเข้าไปทำการปลูกป่า บางส่วน บางส่วนทางผู้ครองครองแจ้งว่าจะใช้เป็นพื้นที่ทำฟาร์มเลี้ยงแพะ เลี้ยงแกะ จึงต้องการมีพื้นที่กว้างมากเพียงพอในการปลูกหญ้าให้กับการเลี้ยงสัตว์ต่อไป
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์ - รายงาน