น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เนื่องด้วยขณะนี้อยู่ในช่วงรอยต่อการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลและหลายฝ่าย โดยเฉพาะภาคธุรกิจได้แสดงความกังวลว่าจะเกิดความล่าช้าในการบังคับใช้พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 และกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ต่อข้อกังวลดังกล่าวกระทรวงการคลังได้เตรียมแผนการดูแลเศรษฐกิจไว้แล้ว ซึ่งเป็นไปตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันขับเคลื่อนงานตามภารกิจแม้จะเป็นช่วงรัฐบาลรักษาการ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจต้องรักษาความต่อเนื่องของการฟื้นตัว ทางด้านงบประมาณก็ให้ใช้จ่ายให้เป็นไปตามที่กฎหมายให้ทำได้ และไม่กระทบต่อสวัสดิการของประชาชนกลุ่มเปราะบาง
ด้านกระทรวงการคลังเตรียมแผนงาน 3 ส่วน ที่จะขับเคลื่อนให้มีเม็ดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจในช่วงรอยต่อรัฐบาล ประกอบด้วย ส่วนแรก การใช้จ่ายงบประมาณในส่วนรายจ่ายประจำ เปิดทางให้สามารถใช้จ่ายได้ กล่าวคือ หากปีใดเกิดกรณี พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายล่าช้าก็สามารถใช้ พ.ร.บ.งบประมาณปีก่อนหน้าไปพลางก่อนได้ ซึ่งการสามารถใช้จ่ายงบรายจ่ายประจำได้นี้จะรวมถึงงบสวัสดิการต่างๆ เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐด้วย //ส่วนที่ 2 ที่กระทรวงการคลังเตรียมไว้คือ การเร่งรัดให้รัฐวิสาหกิจประมาณ 50 แห่ง เร่งเบิกจ่ายเพื่อการลงทุนจากงบลงทุนของทุกแห่งรวมกันประมาณ 5 แสนล้านบาท คาดว่าจะมีส่วนที่สามารถขยับการลงทุนให้เร็วขึ้นและเบิกจ่ายได้ก่อน ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท // ส่วนที่3 ให้สถาบันการเงินของรัฐเร่งรัดการปล่อยสินเชื่อตามโครงการที่เคยได้รับอนุมัติให้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งยังเหลือวงเงินประมาณ 70,000 ล้านบาท
สำหรับงบประมาณปี 2567 ที่ผ่านการอนุมัติจาก ครม. ไปแล้วและรอรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาดำเนินการตามขั้นตอนการงบประมาณ มีวงเงิน 3.35 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น รายจ่ายประจำ 2.49 ล้านล้านบาท รายจ่ายลงทุน 7.17 แสนล้านบาท รายจ่ายชำระคืนเงินกู้ 1.17 แสนล้านบาท รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 3.37 หมื่นล้านบาท