สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เผยประชาชนส่วนใหญ่ 47.35% ระบุในช่วงนี้มีเหตุการณ์ร้ายแรงและคดีใหญ่ๆ มากขึ้นหลายเรื่อง ทั้งคาร์บอม ยาเสพติด การปล้นฆ่า คนสูญหาย และคดีอุกฉกรรจ์ ทั้งที่อยู่ในช่วงการบริหารประเทศโดยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีอำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อยู่ โดยมีสาเหตุจากคนมีจิตใจโหดเหี้ยมรุนแรงมากขึ้น ไม่เกรงกลัว ไม่เคารพกฎหมาย สื่อมักนำเสนอข่าวให้เห็นบ่อยครั้ง ฯลฯ รองลงมา 44.17% คิดว่ายังคงมีเหตุการณ์ร้ายแรงและคดีใหญ่ๆ เหมือนเดิม เพราะสภาพเศรษฐกิจและสังคมเสื่อมโทรม ความเหลื่อมล้ำมีมาก คดีต่างๆ มีให้เห็นทุกยุคทุกสมัย  ฯลฯ และอีก 8.48% คิดว่ามีเหตุการณ์ร้ายแรงและคดีใหญ่ๆ น้อยลง เพราะรัฐบาลปราบปรามอย่างจริงจัง อยู่ในช่วง คสช.มีอำนาจพิเศษสามารถใช้มาตรา 44 ได้ ฯลฯ

     แนวทางป้องกันปัญหาในส่วนของคดีความมั่นคง เช่น การก่อการร้าย คาร์บอม ประชาชนส่วนใหญ่ 67.89% คิดว่ารัฐบาลต้องดำเนินการอย่างจริงจัง เจรจา พูดคุย เสริมสร้างความสามัคคี รองลงมา 66.35% คิดว่าควรเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย เฝ้าระวัง หน่วยข่าวกรองต้องแม่นยำ และ 49.40% คิดว่าประชาชนในพื้นที่ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา และระมัดระวังตนเอง

    ส่วนคดีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เช่น การปล้น คนสูญหาย ประชาชนส่วนใหญ่ 68.58% คิดว่าควรพัฒนาเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ รองลงมา 63.36% คิดว่าติดกล้องวงจรปิดที่ใช้งานได้จริงตามจุดต่างๆ ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ และ 62.84% คิดว่าสื่อควรนำเสนอข่าวอย่างระมัดระวัง ป้องกันการลอกเลียนแบบ

   ขณะที่คดีอุกฉกรรจ์ เช่น ฆาตกรรมโหด ฆ่าเผาทำลายศพ อุ้มฆ่า ยาเสพติด ประชาชนส่วนใหญ่ 70.46% คิดว่ารัฐบาลควรปราบปรามอย่างจริงจัง ลงโทษรุนแรง ประหารชีวิต รองลงมา 66.95% ควรสร้างงาน สร้างอาชีพ ลดความเหลื่อมล้ำ และ 64.30% คิดว่าครอบครัวควรให้ความรักความอบอุ่น ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม

    โดยประชาชนส่วนใหญ่ 52.77% สนับสนุนให้นำมาตรา 44 มาบังคับใช้เพื่อให้เกิดความสงบและความมั่นคง เพราะ เป็นอำนาจพิเศษเด็ดขาด ดำเนินการได้รวดเร็ว ทำให้ผู้คิดกระทำผิดเกรงกลัว ลดขั้นตอนการทำงาน ฯลฯ รองลงมา 47.23% คิดว่าใช้กฎหมายธรรมดาจัดการ เพราะกฎหมายเดิมมีบทลงโทษที่ชัดเจนอยู่แล้ว สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมาย ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายมากกว่า ฯลฯ

  ทั้งนี้ สวนดุสิตโพล ได้สำรวจความคิดเห็นต่อคดีใหญ่ต่างๆ จากประชาชนทั่วประเทศจำนวนทั้งสิ้น 1,168 คน ระหว่างวันที่ 15-19 ส.ค.ที่ผ่านมา