นายมานะพันธ์ ชัยเมธสิทธิ์ ประธานกลุ่มผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยภาคตะวันตกกล่าวว่า ในวันที่ 7 สิงหาคม 2566 กลุ่มผู้เลี้ยงหมูรายย่อยจากหลายภาคทั่วประเทศไทยได้นัดรวมพลเดินทางไปกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อไปทวงถามข้อสงสัยกรณีมีข่าวว่า มีการตรวจพบหมูเถื่อนอีก 400 ตู้คอนเทนเนอร์ที่ท่าเรือแหลมฉบัง แต่เหตุใดกรมศุลกากรและดีเอสไอจึงไม่นำเข้ากระบวนการตรวจสอบ เช่นเดียวกับหมูเถื่อนจำนวน 161 ตู้ และหมูเถื่อนจำนวนดังกล่าวได้มีการรายงานให้กรมปศุสัตว์รับทราบตามขั้นตอนแล้วหรือไม่
นอกจากนี้ ทางกลุ่มผู้เลี้ยงหมูเคยเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบหมูเถื่อนที่ลักลอบนำเข้ามาผ่านทางท่าเรืออื่น ๆ ด้วย แต่ไม่เห็นการดำเนินการต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันหมูเถื่อนที่เข้ามาขายกันเกลื่อนในตลาดส่งผลกระทบกดดันราคาขายหมูในตลาดอย่างมาก ทำให้ตอนนี้สมาชิกผู้เลี้ยงหมูรายย่อยต้องขายหมูมีชีวิตหน้าฟาร์มเพียงราคากิโลกรัมละ 50 บาท ขณะที่ต้นทุนการเลี้ยงอยู่ที่ 90 กว่าบาท/กก. ถ้าสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้จะทำให้ผู้เลี้ยงรายย่อยอยู่กันไม่ได้“เราอยากให้เจ้าหน้าที่ทำงานเชิงรุก ไม่ใช่ต้องให้คนเลี้ยงหมูมาตามจี้ ตอนนี้หมูเถื่อนยังขายกันในเพจเกลื่อนไปหมดอย่างไม่หวั่นเกรงกฎหมาย ราคาถูกมาก เช่น สันใน 115 บาท/กก. สันคอ ราคา 85 บาท/กก. สามชั้นมีหนัง 78 บาท/กก.หมูบด 68 บาท/กก. เครื่องในยิ่งถูกมาก ปอด 18 บาท/กก. ตับ 35 บาท/กก. เซียงจี้(ไตหมู) 40 บาท/กก. แต่ที่สำคัญสุดโมเดิร์นเทรดยังขายกันราคาถูก สันนอกหมูตัดชิ้น 125 บาท/กก. สะโพกหมูตัดชิ้น 122 บาท/กก. ไม่รู้เอาหมูมาจากไหน ขายกันได้ราคาถูกมาก