ต้นกฤษณา บ้านหลักเขต ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา ซึ่งมีนายอับดุลเลาะ แวกาจิ เป็นเจ้าของสวน หลังได้หันมาปลูกไม้กฤษณา ในเนื้อที่ 11 ไร่ จำนวน 3,000 ต้น แทนการปลูกยาง ตั้งแต่ประมาณ ปี 2546 จนกระทั่งปัจจุบัน ต้นกฤษณาได้เติบใหญ่ สามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ต่างๆไม่ว่าจะเป็นสบู่ แชมพู โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำหอมกฤษณา ที่ได้จากกระบวนการนำแก่นไม้กฤษณา มากลั่นเป็นน้ำหอม กลิ่นกฤษณาจะติดผิวนาน เป็นที่นิยมของสตรีชาวมุสลิม ส่งขายได้ทั่วไป ทั้งในประเทศ และนอกประเทศ อย่าง ซาอุดิอาระเบีย มาเลเซีย สร้างรายได้ จำนวนไม่น้อย ให้ผู้ปลูกในแต่ละเดือน
นายอับดุลเลาะ แวกาจิ บอกว่า ตอนแรก แปลงนี้เป็นแปลงต้นยาง ที่ปลูกไว้ประมาณ 11 ไร่ และได้ปรับเปลี่ยนหันมาปลูกต้นกฤษณา ซึ่งสมัยนั้นแกนกฤษณามีราคาแพง ตนจึงได้ไปศึกษาดูงาน และลองมาทำปลูกได้ ทำได้ก็เลยได้มาโค่นต้นยาง 11 ไร่ ปลูกต้นกฤษณา ระยะ 2x3 ไร่หนึ่ง ก็ได้ 300 ต้น ถ้าระยะ 2x2 เมตร ได้ 400 ต้น พอถึงอายุ 10 ปีขึ้นไป ได้ผลผลิต สามารถนำไปทำได้ทุกอย่าง เอาไม้กฤษณามาต้มทำน้ำมัน เอาใบทำสบู่ แชมพู โดยเฉพาะ น้ำหอม ไม้กฤษณา 11 ไร่ 3,000 ต้น ก็จะวนเวียนเอาทีละนิด ทุกอย่างทำได้ มีประโยชน์มาก สำหรับชาวบ้านที่ปลูกต้นกฤษณา ซึ่งถ้าเราปลูกยางอยู่แล้ว ก็สามารถแซมต้นกฤษณาได้ด้วย ไม้กฤษณาก็ได้ขาย ยางก็ได้ขาย ส่วนโรคก็ปกติเหมือนต้นยาง รักษาเหมือนต้นยาง การปลูกไม้กฤษณา ร้างรายได้ดี โดยเฉพาะการนำมากลั่นทำเป็นน้ำหอม ขายได้ถึง ซี.ซี ละ 2,000 บาท มีลูกค้าออเดอร์สั่งเข้ามาต่อเนื่อง