รู้หน้าไม่รู้ใจเห็นเป็นคนรู้จักกันเดือดร้อนไม่มีที่อยู่ มาขออาศัยอยู่บ้านชั่วคราวแรกๆมีเงินค่าตอบแทนค่าน้ำค่าไฟ ใช้ให้เอาของไปขายร้านรับซื้อของเก่า สุดท้ายรู้ว่าเป็นของที่ขโมยมากลับแบล็คเมล์ให้ตนผิด จนเกิดความกลัวล่าสุดบังคับเสพยาทำร้ายร่างกายจนทนไม่ไหว ย่องแจ้งฝ่ายปกครองสามารถรวบได้พร้อมของกลาง
น้องฝน (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี เข้าแจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองป้องกันอำเภอเมืองลพบุรี ว่าตนเองถูกทำร้ายร่างกาย ถูกใช้ให้ขายของผิดกฎหมาย และบังคับเสพยาบ้า ในพื้นที่ ต.ท่าแค อ.เมือง ลพบุรี นายวันชัย ศรีชมพู ปลัดอำเภอเมืองลพบุรี หน.ฝ่ายความมั่นคงอำเภอเมืองลพบุรี พร้อมด้วยกำลังจากชุดเฉพาะกิจ ต.ทะเลชุบศร ได้ทำการวางแผนก่อนเข้าจับกุมตัวนายหนึ่งฤทัย หรือหนึ่ง สุดราตรี อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 หมู่ที่ 3 ต.ทะเลชุบศร อ.เมือง ลพบุรี ที่กำลังหลับนอนอยู่ที่บ้านของ น.ส.น้ำฝน ในพื้นที่ ต.ท่าแค ในเบื้องต้นรับสารภาพเสพยา แต่ค้นหายาเสพติดไม่พบ จากการตรวจสอบข้างบ้านที่บนรถซาเล้งพบแผ่นป้ายเตือนบอกทางของกรมทางหลวงจำนวน 2 แผ่น เสาเหล็กขนาด 5 คูณ 5 นิ้ว ที่ถูกตัดออกหลายท่อนวางอยู่บนรถ อุปกรณ์เครื่องมือในการก่อเหตุ จากการสอบถามในเบื้องต้นให้การปฎิเสธว่าเป็นของคนอื่นที่นำมาฝากไว้ สุดท้ายจำนนด้วยหลักฐานจึงได้เปิดปากรับสารภาพ
เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายหนึ่ง ไปชี้จุดขโมยที่หน้าวัดมงคลประสิทธิ์ ต.ท่าแค อ.เมือง ลพบุรี และบนถนนสายลพบุรี -บ้านหมี่ ที่ป้ายบอกทางแทบทุกชนิดหายไปแทบหมด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่แขวงการทางลพบุรีได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้แต่ไม่สามารถจับตัวผู้ก่อเหตุได้สักครั้งเดียว เพราะขโมยจะมากลางดึก รวมถึงตะแกรงเหล็กที่วางท่อน้ำทิ้งในเขตพื้นที่ใกล้เคียงก็หายไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งนายหนึ่งให้การรับสารภาพว่าเพิ่งมาตัดเมื่อคืน และเพิ่งทำครั้งแรก แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อนำตัวมาที่อำเภอเมืองเพื่อสอบสวนขยายผล พร้อมให้ผู้เสียหายรุดดูตัว
น.ส.นำฝน ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่านายหนึ่งได้มาขออาศัยอยู่ได้สักระยะ ประมาณ 3 เดือนเศษอ้างว่าเช่าบ้านอยู่กับเพื่อนแล้วเพื่อนไล่ออกจากบ้าน จึงให้อาศัยอยู่ชั่วคราว ซึ่งแรกๆเห็นเป็นคนขยัน ไปเช้าเย็นกลับ หยิบยื่นเงินช่วยค่าน้ำค่าไฟ ตนเองยังช่วยนำของไปขายที่ขโมยไปขายให้โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งสุดท้ายทราบมาว่าหักหลังกับเพื่อนเรื่องยาเสพติด แล้วยึดรถซาเล้งเพื่อนมาจากการหักค่ายาบ้าที่เพื่อนขโมยไป น.ส.น้ำฝนเลาต่อว่าเมื่อนายหนึ่งได้ของที่ขโมยมาแล้ว จะนำไปเผาไฟกลางทุ่งนา ตัดเป็นท่อน ทาสีทับ ทุบให้บุบบี้โยนลงน้ำเพื่อซุกซ่อน ซึ่งล้วนเป็นของหลวงที่ขโมยมาแทบทั้งสิ้น หลังจากนั้นก็จะนำไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่าไม่ซ้ำร้าน โดยบังคับตนให้เอาไปขายด้วย เมื่อปฎิเสธก็จะทำทีแบล็คเมล์ ว่าตนมีความผิดแล้วเพราะทำมาหลายครั้งผิดก็ผิดด้วยกัน ถูกจับตนเองก็จะสารภาพ ซึ่งตนเองพยายามจะหนีเรื่องดังกล่าว สุดท้ายถูกทุบตีและบังคับขายและเสพยาบ้า จนทนไม่ไหวรุดแจ้งเจ้าหน้าที่ดังกล่าว ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังทำการสอบสวนขยายผล รวมถึงจะได้เชิญเจ้าของร้านรับซื้อของเก่าต่างๆ มาเพื่อทำการสอบสวนต่อไป
กฤษณ์ สนใจ ลพบุรี