นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการจดทะเบียนธุรกิจ ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ประจําเดือนกรกฎาคม 2566 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือน กรกฎาคม 2566 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 6,848 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 16,648.21 ล้านบาท ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 545 ราย คิดเป็น 8% ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 480 ราย คิดเป็น 7% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 342 ราย คิดเป็น 5% ตามลำดับ
ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 4,456 ราย คิดเป็น 65.07% ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 2,300 ราย คิดเป็น 33.59% ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 78 ราย คิดเป็น 1.14% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 14 ราย คิดเป็น 0.20% ตามลำดับ
สำหรับธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนกรกฎาคม 2566 มีจำนวน 1,867 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 7,527.92 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดย3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 175 ราย คิดเป็น 9% ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 103 ราย คิดเป็น 6% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 43 ราย คิดเป็น 2% ตามลำดับ
ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 1,342 ราย คิดเป็น 71.88% ช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท จำนวน 455 ราย คิดเป็น 24.37% ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 63 ราย คิดเป็น 3.37% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 7 ราย คิดเป็น 0.37% ตามลำดับ และธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2566 จำนวน 886,796 ราย มูลค่าทุน 21.47 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 203,802 ราย คิดเป็น 22.98% บริษัทจำกัด จำนวน 681,581 ราย คิดเป็น 76.86% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,413 ราย คิดเป็น 0.16% ตามลำดับ
ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่แบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 518,722 ราย คิดเป็น 58.49% รวมมูลค่าทุน 0.45 ล้านล้านบาท คิดเป็น 2.12% ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 272,103 ราย คิดเป็น 30.68% รวมมูลค่าทุน 0.93 ล้านล้านบาท คิดเป็น 4.34% ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 78,218 ราย คิดเป็น 8.82% รวมมูลค่าทุน 2.14 ล้านล้านบาท คิดเป็น 9.98% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 17,753 ราย คิดเป็น 2.00% รวมมูลค่าทุน 17.94 ล้านล้านบาท คิดเป็น 83.56% ตามลำดับ