นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน ในงานวันคล้ายวันก่อตั้งการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ครบรอบ 43 ปี โดยมี นายณรงค์ เขียดเดช รองผู้ว่าการฝ่ายบริหาร รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กทพ. ผู้บริหาร พนักงาน และลูกจ้าง กทพ. ร่วมให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุม 2301 สำนักงาน กทพ. จตุจักร
43 ปี ที่ผ่านมา กทพ. ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ตามบทบาทหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายให้สอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม ที่มุ่งเน้นในการพัฒนาเครือข่ายระบบทางพิเศษให้เชื่อมโยงกันอย่างบูรณาการ ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน โดย กทพ. ได้เปิดให้บริการทางพิเศษแล้ว 7 สายทาง 5 ทางเชื่อมต่อ รวมระยะทางกว่า 207.9 กิโลเมตร ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้ทางพิเศษ เฉลี่ยกว่าวันละ 1.8 ล้านเที่ยว สูงสุดถึงวันละ 2.1 ล้านเที่ยว พร้อมทั้งยังพัฒนาต่อไป ด้วยการขยายโครงข่ายทางพิเศษเชื่อมโยงพื้นที่กรุงเทพมหานครด้านตะวันตกเข้าสู่ใจกลางเมืองด้วยโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ระยะทาง 16.7 กิโลเมตร ซึ่งขณะนี้การก่อสร้างมีความคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 80 คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ประมาณกลางปี 2559
นอกจากนี้ กทพ. ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน และผลกระทบสิ่งแวดล้อมจำนวน 8 โครงการ ได้แก่ โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 -ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก โครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N1 N2 N3 และ East-West Corridor ด้านตะวันออก โครงการทางพิเศษสายบูรพาวิถี-พัทยา โครงการพิเศษสายฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี โครงการทางพิเศษสายอุดรรัถยา-พระนครศรีอยุธยา โครงการ ทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต โครงการทางพิเศษในจังหวัดเชียงใหม่ และโครงการทางพิเศษ ในจังหวัดขอนแก่น อีกทั้งยังได้วางแผนโครงการทางพิเศษเพื่อรองรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ และเตรียมพร้อมกับการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจอาเซียนอีกด้วย
“การก้าวเข้าสู่ปีที่ 44 กทพ. ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาโครงข่ายทางพิเศษ เพื่อแก้ไขปัญหาจราจร โดยให้ความสำคัญในด้านการรักษาความปลอดภัย รักษาวินัยจราจร เพื่อลดปัญหาการเกิดอุบัติเหตุบนทางพิเศษ อันอาจก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งนับวันจะมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการรณรงค์และเสริมสร้างความตระหนักรู้ ตลอดจนการเพิ่มมาตรการในการรักษาความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้นต่อไป”