ครม.นัดพิเศษ หารือเตรียมแถลงนโยบายต่อรัฐสภา 11 ก.ย.นี้ “เศรษฐา” เร่งเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ปลุกเศรษฐกิจ ยืนยันงบประมาณพร้อม เร่งแผนลดค่าครองชีพ “คลัง” เล็งลดภาษีดีเซลหั่นราคาน้ำมัน “คมนาคม” ไม่ทิ้งรถไฟฟ้า 20 บาท
สำหรับ ร่างนโยบายรัฐบาลได้พิจารณาถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยหลังจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่กระทบต่อประชาชนและภาคธุรกิจ รวมทั้งมีปัจจัยเสี่ยงอื่นที่ต้องเตรียมรับมือ เช่น ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เอลนีโญ รวมทั้งมีประเด็นที่กำลังส่งผลทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพ โดยเฉพาะปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงกว่า 90% ของจีดีพี รวมถึงปัญหาหนี้สาธารณะที่สูงกว่า 61% ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นและจะส่งผลต่อข้อจำกัดด้านการคลังและการบริหารประเทศในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อเศรษฐกิจไทยย้อนหลังอยู่ต่ำกว่าศักยภาพที่แท้จริง
จากปัจจัยดังกล่าวทำให้รัฐบาลมีนโยบายระยะสั้น เพื่อจุดเครื่องยนต์เศรษฐกิจให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง โดยเตรียมทำ Digital Wallet เพื่อจ่ายเงินคนละ 10,000 บาท วงเงินรวม 560,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย การลงทุน การจ้างงานและรัฐบาลได้ภาษีมากขึ้น
นอกจากนี้มีนโยบายเร่งด่วน 4 ด้าน คือ
1.การแก้ปัญหาหนี้ของภาคเกษตร ภาคธุรกิจและภาคประชาชน โดยต้องไม่ขัดวินัยการเงินและไม่เกิดภัยทางจริยธรรม (Moral Hazard)
2.ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานทั้งค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมันและลดค่าก๊าซหุงต้ม ซึ่งจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างการใช้พลังงานและจัดหาแหล่งพลังงานเพิ่ม
3.สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น โดยปรับปรุงขั้นตอนการขอวีซา ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซาและจัดทำ Fast Track VISA
4.การแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยจัดทำประชามติเพื่อร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยขึ้น
นายเศรษฐา เปิดเผยภายหลังการประชุม ครม.นัดพิเศษ ว่า พรรคร่วมรัฐบาลเห็นตรงกันถึงประเด็นภาคการเกษตรทั้งการขยายตลาด และเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร โดยการวางแผนการตลาดส่งออกต้องมีแนวทางที่ไม่กระทบการบริโภคในประเทศ อีกทั้งต้องคำปัญหาเอลนีโญเพราะอาจกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร โดยมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวบรวมข้อมูลมาเสนอ ครม.นัดแรกวันที่ 13 ก.ย.นี้ เพื่อประกาศมาตรการรับมือ
ส่วนประเด็น ค่ารถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย ที่ไม่ได้บรรจุในร่างนโยบายรัฐบาลที่จะถแลงต่อรัฐสภา แต่ยืนยันว่ารัฐบาลมุ่งเน้นการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทั้งระบบทั้งทางน้ำ อากาศ ถนนและราง
ทั้งนี้ประเด็นรถไฟฟ้านั้นต้องมาดูว่าเชื่อมต่อทุกสายให้เข้ากันและใช้บัตรใบเดียว ดังนั้นจึงต้องดึงเรื่องกลับมาดูว่าค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมนั้นเท่าไหร่ และรัฐบาลจะต้องชดเชยจุนเจือเท่าไหร่ในแง่ของงบประมาณที่จะใช้ดำเนินการทั้งหมด
ดังนั้นเรื่องนี้ขอเวลานิดนึง แต่ถูกบรรจุไว้เป็นเรื่องคร่าวๆ อยู่แล้วที่รัฐบาลต้องดำเนินการ ขอเวลาให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ไปทำงานก่อน กระบวนการทุกเรื่องเป็นเรื่องเร่งด่วน
“ไม่ใช่ว่าเราจะทำทันที เริ่มดูแลทันที เราต้องเอาระบบขนส่งทางรางทั้งหมดมาเชื่อมต่อให้เป็นรูปธรรมและเป็นบัตรใบเดียว อยู่ที่ว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะเท่าไหร่ ส่วนประเด็นว่าจะได้เห็นภายในกี่ปี ขอทำงานก่อนแล้วกัน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีคมนาคม ยังไม่ได้เข้ากระทรวงเลย ขอเวลาก่อนนิดนึง ทราบว่าทุกเรื่องเร่งด่วนหมด” นายเศรษฐา กล่าว
สำหรับประเด็นแหล่งเงินที่จะนำมาทำนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท มีความชัดเจนหรือยังและจะนำมาจากไหน นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า คณะทำงานกำลังทำงานอยู่และไปดูรายละเอียดในวันที่ออกมา โดยรับรองว่าพร้อมแน่นอน
เมื่อถามว่า แหล่งเงินในโครงการนี้จะแถลงในสภาอย่างไร นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้เตรียมไว้หมดแล้ว คิดว่าจะปรึกษาหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนจะเปิดได้หรือไม่ตนคิดว่าหากเปิดเผยไปครึ่งๆ กลางๆ แล้ววิจารณ์กัน ซึ่งคิดว่าเราทำสำเร็จได้แน่นอน และพร้อมเมื่อไหร่เราจะบอกกับประชาชนถึงวิธีปฏิบัติทั้งหมด