พ่อเมืองร้อยเอ็ด นำทีมลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในลำน้ำยัง เผยทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมช่วยเหลือประชาชน พร้อมทั้งขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในการปฏิบัติงานของจังหวัดและภาคีเครือข่าย และเฝ้าระวังติดตามการแจ้งเตือนจากหน่วยงานราชการอย่างต่อเนื่อง
นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในจังหวัดร้อยเอ็ด โดยเฉพาะในลุ่มน้ำยังที่มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น โดยระดับน้ำในลำน้ำยัง (ข้อมูล ณ วันที่ 10 กันยายน 2566 เวลา 15.10 น.) ระดับน้ำสถานี E.70 บ้านกุดกว้าง ตำบลวังสามัคคี อำเภอโพนทอง ระดับตลิ่งสูง 9.00 เมตร ระดับน้ำสูง 9.53 เมตร สูงกว่าตลิ่ง 0.53 เมตร มีแนวโน้มทรงตัว สถานี E.92 บ้านท่างาม ตำบลวังหลวง อำเภอเสลภูมิ ระดับตลิ่งสูง 8.80 เมตร ระดับน้ำสูง 10.93 เมตร สูงกว่าตลิ่ง 2.13 เมตร มีแนวโน้มทรงตัว ประกอบกับข้อมูลจากผู้อำนวยการโครงการชลประทานร้อยเอ็ด ทำให้ทราบว่า บริเวณตอนบนของจังหวัดร้อยเอ็ด ทั้งจังหวัดกาฬสินธุ์ เขื่อนลำปาว และเขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น สถานการณ์น้ำทั้งลำน้ำชีและลำน้ำยังอยู่ในเกณฑ์ปกติและการแจ้งเตือนเป็นลักษณะของธงสีเขียว (ระดับน้ำปกติ) การคาดการณ์ปริมาณน้ำฝนช่วงนี้จะมีฝนเบาบาง และที่สำคัญการคาดการณ์ทางอุทกวิทยา พบว่าประมาณวันที่ 13 กันยายน 2566 ปริมาณน้ำจะมีปริมาณลดลงต่ำกว่าตลิ่ง แต่อย่างไรก็ตามกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดร้อยเอ็ดจะติดตาม/เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และได้เน้นย้ำให้ทุกพื้นที่สำรวจ ตรวจสอบความพร้อมของแนวพนังกั้นน้ำ เฝ้าระวังบริเวณจุดเสี่ยงของพนังกั้นน้ำให้อยู่ในสภาพที่คงทนแข็งแรง ซึ่งได้รับความร่วมมือจากฝ่ายปกครอง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่เป็นอย่างดี
นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า ตนพร้อมด้วยนายธรณิศ เทพแพงตา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดร้อยเอ็ด นายวสันต์ พรหมดีสาร ผู้อำนวยการโครงการชลประทานร้อยเอ็ด นายอำเภอเสลภูมิ นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่บริเวณลำน้ำยัง ที่ประตูระบายน้ำกุดปลาเข็ง ตำบลวังหลวง และพื้นที่บ้านบาก ตำบลวังหลวง อำเภอเสลภูมิ โดยตนได้สั่งการเน้นย้ำให้ทุกฝ่ายทุกพื้นที่ ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่จุดเสี่ยงบริเวณลุ่มริมแม่น้ำ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ข้อมูลและแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมน้ำให้ทราบล่วงหน้า เพื่อเตรียมความพร้อมในการอพยพและเคลื่อนย้ายสิ่งของได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์ โดยขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการ พร้อมเตรียมแผนเผชิญเหตุรวมทั้งอุปกรณ์ เครื่องจักรกลและกำลังพลให้มีความพร้อมสำหรับการให้ความช่วยเหลือประชาชนในทันที และขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก ให้ดำเนินชีวิตตามปกติแต่อย่าประมาท ให้เฝ้าระวังติดตามการแจ้งเตือนอย่างต่อเนื่อง
“พร้อมทั้งได้สั่งการให้นายอำเภอ ฝ่ายปกครอง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกันติดตาม ตรวจสอบ แนวคั่นบริเวณริมแม่น้ำและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อเตรียมความพร้อมรับน้ำหลากป้องกันน้ำท่วมชุมชน และช่วยกันสร้างความรับรู้แก่ประชาชน โดยแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย พื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ โดยการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางการสื่อสารทุกช่องทาง ตลอดจนกำชับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัคร แจ้งข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนทราบและปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการอย่างทั่วถึงอีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ยังกำชับให้เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ รวมถึงความพร้อมของระบบสื่อสารสำรอง เพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบ โดยให้ความสำคัญกับผู้ประสบอุทกภัยโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็กไร้ผู้อุปการะ คนพิการทุพพลภาพ” นายทรงพลฯ กล่าว
นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดร้อยเอ็ดได้น้อมนำพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการเร่งให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัย และทำให้พี่น้องประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติสุขโดยเร็ว ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการแนะนำวิธีการดูแลตัวเองและแก้ไขปัญหาเบื้องต้นไว้แล้ว รวมทั้งได้นำแผนเผชิญเหตุที่ได้มีการเตรียมการและซักซ้อมตามข้อสั่งการของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ มาวางแผนการบูรณาการแก้ไขปัญหาในรูปแบบทีมบูรณาการ พร้อมทั้งแบ่งมอบภารกิจ ติดตามสถานการณ์ และสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ในการวางแผนการดำเนินงาน และประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และให้ความสำคัญกับกระบวนการสื่อสารสังคม โดยนำแผนการสื่อสารในภาวะวิกฤตมาใช้ในการแจ้งข้อมูลข่าวสารกับประชาชนในทุกช่องทางการสื่อสาร
“หากพี่น้องประชาชนพบเห็นพื้นที่เสี่ยงที่มักจะเกิดอุทกภัยเมื่อฝนตกหนักอย่างซ้ำซาก หรือได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัย สามารถติดต่อประสานงานที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดร้อยเอ็ด หมายเลขโทรศัพท์ 043-512-955 สายด่วนนิรภัย 1784 หรือที่ Line Official Account "ปภ.รับแจ้งเหตุ" หรือช่องทางของศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย ที่สายด่วน 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้เร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโดยด่วนต่อไป” ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวในช่วงท้าย