เร่งสานต่อโครงการในพระราชดำริฯ หาแหล่งน้ำใต้ดินให้ ปชช.
วันนี้ 13 ก.ย. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย เขต 4 กล่าวว่า ในหนึ่งปีประเทศไทยมีฝนจะตกลงมาประมาณ 8 แสนล้าน ลบ.ม. โดย 60% หรือประมาณ 5 แสนล้าน ลบ.ม.ที่ฝนตกลงมาจะละเหยไปในอากาศ อีก 15% หรือประมาณ 1 แสนล้าน ลบ.ม.จะซึมลงใต้ดินหรือชั้นน้ำบาดาล อีก 25% หรือประมาณ 213,000 ล้าน ลบ.ม.จะเป็นน้ำผิวดิน
ซึ่งน้ำผิวดินประเทศไทยนั้นสามารถที่จะกักเก็บน้ำได้ในอ่างในเขื่อนในฝายหรือตามแม่น้ำลำคลองหรือห้วยได้ไม่เกิน 8 หมื่นล้าน ลบ.ม./ปี น้ำในส่วนที่เหลืออีก 133,000 ล้าน ลบ.ม.ที่ฝนตกลงมาแต่ละปีจะไหลลงสู่ทะเลและมหาสมุทร การที่น้ำไหลอย่างรวดเร็วนั้นเกิดจากพื้นที่ของประเทศไทยตอนบนหรือพื้นที่ภาคเหนือที่มีอยู่ประมาณ 8 ล้านไร่นั้นเป็นเขาหัวโล้น
ถ้าเรายังไม่สามารถที่จะฟื้นฟูพื้นที่เขาหัวโล้นหรือพื้นที่ที่เป็นสโลปบนภูเขาได้ ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งและปัญหาฝุ่น PM.2.5 ก็จะไม่มีวันแก้ไขได้ แต่ถ้าเราสามารถฟื้นฟูพื้นที่เขาหัวโล้นทางภาคเหนือให้จบสิ้น ฝนตกลงมาเท่าไหร่ก็จะสามารถเก็บกักน้ำไว้ได้
เมื่อถึงเวลาหน้าแล้งน้ำก็จะสามารถไหลลงสู่ลำห้วยต่างๆได้ เชื่อว่าหากเราสามารถฟื้นฟูเขาหัวโล้นให้กลับมาเป็นป่าสมบูรณ์สำเร็จได้ จะทำให้สภาพเศรษฐกิจปัญหาความยากจนของพี่น้องประชาชนก็จะหมดสิ้นไปได้ในระดับหนึ่ง
นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ กล่าวว่า เมื่อครั้งที่ผมดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล (ทส.)นั้นได้มีโครงการในพระราชดำริอยู่ทั้งหมด 48 แห่ง ผมอยากให้รัฐบาลชุดนี้เร่งรัดโครงการในพระราชดำริโดยเฉพาะเรื่องน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนและพี่น้องที่อยู่ตามชนบท เพราะโครงการฯแต่ละแห่งสามารถช่วยประชาชนได้นับหมื่นราย
ในอดีตประชาชนในชนบทต่างใช้น้ำตามห้วยหนองคลองบึงสำหรับอุปโภคและบริโภค แต่ปัจจุบันนี้ไม่มีแล้วเพราะคุณภาพน้ำในห้วยหนองคลองบึงมีคุณภาพต่ำมากเพราะมีสารปนเปื้อนเพราะการทำเกษตรเคมีที่มีสารปนเปื้อน
ทำให้ประชาชนในชนบทมาใช้น้ำในระบบประปาหมู่บ้านแทน ระบบประปาหมู่บ้านทำด้วยถังพลาสติกถังละ 1-2 คิวเท่านั้น แต่คุณภาพน้ำต่ำไม่สะอาดบางแห่งน้ำเหลืองขุ่น ดังนั้นวันนี้ผมจึงอยากให้รัฐบาลชุดนี้ช่วยเร่งแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในชนบท
หากแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำได้เมื่อไหร่ผมเชื่อว่าประชาชนที่อยู่ตามชนบทจะไม่อพยพเข้าไปหางานทำแออัดอยู่ในตัวเมืองอย่างแน่นอน ทุกวันนี้ประชาชนเขาอยู่ไม่ได้ก็เพราะคุณภาพของน้ำที่เป็นอยู่ในปัจจุบันและน้ำที่ใช้อยู่เป็นน้ำผิวดินที่มาจากบ่อจากสระ
ผมอยากจะเสนอไปถึงรัฐบาลชุดนี้ว่า ปัจจุบันน้ำบาดาลมีมากกว่าน้ำผิวดินไม่น้อยกว่า 30 เท่า และจากการสำรวจข้อมูลของน้ำบาดาลพบว่ามีมากถึง 1.13 ล้านล้าน ลบ.ม.แต่น้ำผิวดินที่มีอยู่นั้นเมื่อนำภาชนะมาใส่แล้วคงได้ไม่เกิน 8 หมื่น ลบ.ม.
ซึ่งปีนี้น้ำผิวดินมีไม่เกิน 50%เท่านั้นเอง เนื่องจากฝนตกน้อย ถ้าเราหันมาใช้ระบบน้ำใต้ดินมาช่วยประชาชนในชนบทในการทำน้ำประปา ซึ่งน้ำประปาที่นำมาจากใต้ผิวดินไม่จำเป็นต้องใส่คลอรีนและไม่ต้องใส่สารส้มหรือฆ่าเชื้อ เพราะน้ำใต้ดินนั้นเป็นน้ำที่สะอาดอยู่แล้วที่สำคัญจะเป็นการลดต้นทุนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์ - รายงาน