นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “การขับเคลื่อนงานยุทธศาสตร์ด้านความปลอดภัยฯ” และประกาศ “ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนนโยบายด้านความปลอดภัยของผู้ป่วย บุคลากรและประชาชน ระยะที่ 2: 3P Safety Strategy” พร้อมมอบประกาศนียบัตรแก่สถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ 3P Safety Hospital ปี 2566 จำนวน 107 แห่ง โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น หลักสี่ กรุงเทพมหานคร (กทม.)
เนื่องใน “วันแห่งความปลอดภัยของผู้ป่วยโลก ครั้งที่ 5 (The 5th World Patient Safety Day) และ “วันแห่งความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรสาธารณสุขของประเทศไทย ครั้งที่ 7 (The 7th Thailand Patient and Personnel Safety Day) ภายใต้แนวคิด Engaging patients for patient safety จัดโดย สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) หรือ สรพ. ร่วมกับ สธ. และภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพ 16 องค์กร
นายสันติ กล่าวว่า ปีนี้องค์การอนามัยโลก (WHO) ให้ความสำคัญเรื่องการมีส่วนร่วมของผู้ป่วยและญาติ โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของผู้ป่วยในทุกมิติเรื่องความปลอดภัยของตนเอง รวมถึงครอบครัวและญาติในการดูแลให้มีความปลอดภัย พลิกแนวคิดจากการออกแบบการดูแลเพื่อผู้ป่วย เป็นการออกแบบการดูแลร่วมกับผู้ป่วย หรือ Engaging patients for patient safety สร้างการมีส่วนร่วมของผู้ป่วย ครอบครัว และประชาชน
เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญของ Global Patient Safety Action Plan 2021-2030 ที่มีเป้าหมายลดความไม่ปลอดภัยที่เกิดขึ้นในระบบบริการ เปิดกว้างการมีส่วนร่วมของผู้ป่วยและประชาชน ตั้งแต่การปฏิบัติโดยการเป็นส่วนหนึ่งของทีมในการดูแลสุขภาพของตนเองและครอบครัว ไปจนถึงระดับนโยบาย โดยร่วมกันพัฒนาระบบบริการสุขภาพเพื่อความปลอดภัยสำหรับทุกคน ซึ่งการออกแบบการบริการในทุกมิติเรื่องความปลอดภัย จำเป็นต้องอาศัยองค์ประกอบ 3 ประการ คือ ผู้ป่วย บุคลากรสาธารณสุข ญาติและครอบครัว
“ขอชื่นชมสถานพยาบาลทุกแห่งที่เข้าร่วมโครงการฯ แสดงให้เห็นว่าผู้บริหารและทีมงานมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาระบบบริการที่มีคุณภาพและความปลอดภัยสำหรับทุกคน ซึ่งการที่ประเทศไทยมีการขับเคลื่อนนโยบาย Patient and Personnel Safety หรือ 2P Safety มาอย่างต่อเนื่องถึง 4 ปี และประกาศความพร้อมที่จะขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ระยะที่ 2 โดยเพิ่มความปลอดภัยไปถึงประชาชน เป็น Patient, Personnel and People Safety หรือ 3P Safety เพื่อเป้าหมายให้ประเทศไทยก้าวสู่ระบบบริการสุขภาพที่มีคุณภาพและความปลอดภัยเพื่อทุกคนนั้น ผมพร้อมที่จะสนับสนุนและผลักดันอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ 3P Safety เป็นประเทศแรกในโลกอีกครั้ง” นายสันติกล่าว
ด้าน พญ.ปิยวรรณ ลิ้มปัญญาเลิศ ผู้อำนวยการ สรพ. กล่าวว่า ประเทศไทยให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยในผู้ป่วยและบุคลากร มาตั้งแต่ต้น มีนโยบาย Patient and Personnel Safety มียุทธศาสตร์การขับเคลื่อนระยะที่ 1 พ.ศ. 2561-2565 และ มีเป้าหมายความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคคลากรระดับประเทศ ซึ่งกำหนดแนวทางปฏิบัติเป็น SIMPLE โดยมีการพัฒนาและขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติกับสถานพยาบาลทั่วประเทศ
พญ.ปิยวรรณ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันมีโรงพยาบาลเข้าร่วมโครงการจำนวน 950 โรงพยาบาล เป็นโรงพยาบาลสมาชิกใหม่ที่เข้าร่วมโครงการและรับใบประกาศนียบัตรเป็นโรงพยาบาล 2P Safety Hospital จำนวน 107 โรงพยาบาล โดยทุกโรงพยาบาลมีการประกาศเป้าหมายความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรสาธารณสุข ทั้งนี้ ประเทศไทยนำแนวทางปฏิบัติ 2P Safety ไปประยุกต์ใช้และสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในการรายงานอุบัติการณ์เข้าสู่ระบบ National Reporting and Learning System เพื่อเฝ้าระวังและนำอุบัติการณ์มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขด้วย
“ความปลอดภัย เป็นประเด็นสำคัญในการขับเคลื่อนระบบบริการสุขภาพที่เชิญชวนทุกสถานพยาบาลมาร่วมดำเนินการกันในปีนี้ โดยอาศัยองค์ประกอบทั้งผู้ป่วย บุคลากร ประชาชนหรือญาติผู้ดูแล เป็น 3P คือ Patient Personal และ People ผสมผสานในการพัฒนาระบบที่คำนึงถึงทั้งผู้ให้ ผู้รับบริการและญาติ เป็นการขับเคลื่อนที่มีพลังและมีการเรียนรู้อย่างไม่หยุดนิ่ง
“สถานการณ์โควิดที่ผ่านมา ทำให้เห็นถึงพลังที่ขยายเชื่อมต่อสังคมและประชาชนในการร่วมมือกันเพื่อความปลอดภัยในบริการสุขภาพ และประเทศไทยได้ประกาศการขับเคลื่อนที่ก้าวล้ำจาก Patient and Personnel Safety โดยเพิ่มความสำคัญของประชาชน หรือ People เป็น Patient, Personnel and People Safety หรือ 3P Safety ในเวทีประชุมรัฐมนตรีโลกที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ด้วย” ผู้อำนวยการ สรพ. กล่าว
ทั้งนี้ ได้มีการวางแนวทางผ่านยุทธศาสตร์ 3P Safety strategy ซึ่งจะนำเสนอต่อรัฐมนตรีต่อไป โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญความสำเร็จของการขับเคลื่อนเรื่องความปลอดภัยในระบบบริการสุขภาพของประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับจาก WHO และประเทศต่างๆ ทั่วโลก คือ การได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมจากผู้นำระดับสูง
ดังนั้นจึงทำให้การประกาศนโยบาย การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ต่างๆ ที่ผ่านมา สามารถผนึกกำลังองค์กรหน่วยงานต่างๆ มาร่วมกันพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม การประกาศนโยบายเพิ่มเป็น 3P Safety จึงเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยพัฒนาระบบบริการสุขภาพที่นำไปสู่การสร้างความปลอดภัยและสังคมสุขภาวะอย่างมีส่วนร่วมเพื่อทุกคนอย่างเท่าเทียม โดยเริ่มต้นจากสถานพยาบาล