สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เดินหน้าสร้างโอกาสผู้ประกอบการ จัดงาน “SME Virtual Fair 2023 By Star Market” งานแสดงสินค้าเสมือนจริงออนไลน์ กิจกรรมเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ด้านการยกระดับผู้ประกอบการสู่ตลาดสากล ภายใต้ “โครงการพัฒนาความร่วมมือภาครัฐ เพื่อสร้างสิทธิประโยชน์ให้แก่ SME ปีงบประมาณ 2566” สร้างโอกาสด้วยมิติใหม่ ผ่านโปรแกรม ZOOM ประสบความสำเร็จอย่างสูง มีผู้ประกอบการเข้าร่วมงานกว่า 183 ราย มีผู้เข้าชมงานจากทุกมุมโลก เกิดการแม็ตชิ่งทางธุรกิจกว่า 137 คู่ สร้างมูลค่าการซื้อขายได้กว่า 4 ล้านบาท
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวภายในการเปิดกิจกรรม เมื่อเร็วๆ นี้ (15 ส.ค. 66) ว่า SME Virtual Fair 2023 By Star Market เป็นกิจกรรมเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ด้านการยกระดับผู้ประกอบการสู่ตลาดสากล อยู่ภายใต้ โครงการพัฒนาความร่วมมือภาครัฐ เพื่อสร้างสิทธิประโยชน์ให้แก่ SME ปีงบประมาณ 2566 ภายใต้แนวคิด “SME Privilege Club” ซึ่ง สสว. ได้เริ่มนำร่องโครงการสิทธิประโยชน์ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยเริ่มจากความร่วมมือกับหน่วยงานภาคเอกชน ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
“ในปี 2566 นี้ เราได้ขยายไปสู่ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐต่างๆ เพื่อสร้างสิทธิประโยชน์ให้แก่ SME ซึ่งเป็นการจับมือระหว่าง สสว. กับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ด้านต่างๆ ที่อำนวยความสะดวกด้านการดำเนินธุรกิจให้กับผู้ประกอบ เพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการให้สูงขึ้น สามารถลดต้นทุน สร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุน รวมถึงกรณีถ้าผู้ประกอบการเกิดปัญหาในการดำเนินธุรกิจ ก็พร้อมให้ความร่วมมือในการประสานกับหน่วยงานที่สามารถให้คำปรึกษาหรือช่วยเหลือด้านคดีความต่างๆ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้ประกอบการจะสามารถฟื้นตัวกลับมาดำเนินธุรกิจของตนได้ต่อไป”
นายวีระพงศ์ กล่าวต่อไปว่า กิจกรรมในครั้งนี้ นับเป็นกิจกรรมเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ด้านการยกระดับผู้ประกอบการสู่ตลาดสากล ในงาน SME Virtual Fair 2023 By Star Market งานแสดงสินค้าเสมือนจริงออนไลน์ ซึ่งได้ทำการรับสมัครคัดเลือก ผู้ประกอบการ SME ที่มีศักยภาพจำนวน 52 ราย ประกอบด้วย กลุ่ม Food & Beverage 31 ราย Beauty & Wellness 16 ราย และอื่นๆ อีก 5 ราย
ทั้งนี้ งานแสดงสินค้าเสมือนจริง (virtual trade shows) เป็นรูปแบบใหม่ของงานแสดงสินค้าที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถชมสินค้าและบริการของผู้ประกอบการจากทั่วทุกมุมโลกได้โดยไม่ต้องเดินทางไปยังสถานที่จัดงานจริง งานแสดงสินค้าเสมือนจริงมีข้อดีหลายประการ เหนือกว่างานแสดงสินค้าแบบดั้งเดิม เช่น ประหยัดค่าใช้จ่าย สามารถเข้าถึงผู้ชมได้มากขึ้น สะดวกและยืดหยุ่น นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการในการขยายธุรกิจและเข้าถึงตลาดใหม่ๆ สามารถช่วยผู้ประกอบการในการโปรโมตสินค้าและบริการ หาลูกค้าใหม่ ๆ และสร้างเครือข่ายกับผู้ประกอบการจากทั่วทุกมุมโลก
“กิจกรรมตลอด 4 วัน (15-18 ส.ค. 66) นอกจากการแสดงและจำหน่ายสินค้าแล้ว ยังจัดให้มีกิจกรรมการ จับคู่เจรจาธุรกิจแบบ Online Business Matching เพื่อต่อยอดการค้าในอนาคต ซึ่งภายในงานได้จัดให้มีการจับคู่เจรจาธุรกิจ ระหว่าง Visitor และ Buyer กว่า 137 คู่ ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการ Matching กับหลายประเทศ ทั้งในเอเชีย และยุโรป สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ มากกว่า 4 ล้านบาท” ผอ.สสว. กล่าวสรุป