นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และคณะ บินไปเซี่ยงไฮ้ ร่วมงาน Huawei Connect 2023 เข้าร่วมประชุม APAC National ICT Roundtable 2023 ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันที่ 20 กันยายน 2566 และได้หารือกับบริษัทสายเทค ของ จีน กว่า 20 บริษัท ชวนตั้งสำนักงานใหญ่ในประเทศไทย
นายประเสริฐ เผยว่า ในการไปเซี่ยงไฮ้ครั้งนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก หัวเว่ยบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ของจีน ตอบรับ การทำศูนย์พัฒนาบุคลากรไทยด้านเอไอและคลาวด์ เพื่อผลิตคนด้านดังกล่าวปีละ 10,000 คน หรือ 50,000 คน ใน ระยะเวลา 5 ปี ประเมินว่า โครงการนี้ สร้างรายได้ถึง 60,000 ล้านบาท แก้ปัญหาขาดแคลนบุคคลากรด้าน เอไอ และ คลาวด์ และจะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคด้านเอไอและคลาวด์ด้วย
นอกจากเรื่องบุคคลากรใน 2 ทักษะดังกล่าวยังได้เจรจา ชักชวน กลุ่มบริษัทเทคจีน ตั้งสำนักงานใหญ่ในไทย เพื่อสนับสนุนนโยบายเอไอและคลาวด์ฮับ ของกระทรวง และสร้างการลงทุนด้านเทคโนโลยีขั้นสูง (Advanced Technologies) รวมทั้งสร้างรายได้เข้าประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาล นายกฯ เศรษฐา
สำหรับเรื่องการตั้งสำนักงานใหญ่ในไทย รัฐบาลนี้ ให้สิทธิประโยชน์หลายอย่าง ทั้ง ทางภาษี วีซ่า การอำนวยความสะดวก เป็นต้น นอกจากนี้ ทางกระทรวงดีอีเอสก็มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนของบริษัทที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมอำนวยความสะดวก และร่วมมืออย่างใกล้ชิด และเชื่อว่า การเจรจากับ กลุ่มบริษัทเทคจีน ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงกลุ่มนี้ จะเกิดการลงทุนเพิ่มได้ในระยะเวลาอีกไม่นาน และเชื่อมั่นว่าจะช่วยเร่งสร้างการลงทุนด้านเทคโนโลยีขั้นสูง สร้างงาน สร้างรายได้ให้คนไทยที่เกี่ยวข้อง กับเทคโนโลยีขั้นสูง
“ผมมั่นใจว่า การตอบรับของหัวเว่ยสร้างศูนย์พัฒนาบุคลากรไทยครั้งนี้ จะส่งผลให้ไทยเข้าใกล้การเป็นเอไอและคลาวด์ ต้องการเข้ามาร่วมงาน ทำให้มีการลงทุนด้านเอไอและคลาสด์ในไทยสูงเป็นลำดับหนึ่งหรือสอง ของ ภูมิภาค ในขณะเดียวกัน ผมจะผลักดันให้ กระทรวงดีอีเอสเป็นกลไกสำคัญของประเทศ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่ เป็นกระทรวงทันสมัยในระดับโลกด้วย”
พร้อมกันนี้ ในงาน นางสาวซาบรีนา เมิ่ง ประธานกรรมการบริษัทหมุนเวียนตามวาระ และผู้บริหารสูงสุดด้านการเงินของหัวเว่ย เปิดเผยใน งาน Huawei Connect 2023 ว่าหัวเว่ยจะมุ่งกลยุทธ์ All Intelligence สนับสนุนรูปแบบและการประยุกต์ใช้ AI ที่หลากหลายในทุกอุตสาหกรรม หัวเว่ย ยังได้เปิดตัวสถาปัตยกรรมอ้างอิงสำหรับการส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงที่อัจฉริยะในงานปีนี้ พร้อมกับผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่เกี่ยวข้องหลายรายการ
โดย Huawei Connect 2023 หัวเว่ย เปิดตัว Huawei Atlas 900 SuperCluster ใหม่ ซึ่งเป็นคลัสเตอร์การคำนวณ AI ชุดใหม่ สถาปัตยกรรมใหม่ที่ถูกปรับแต่งให้เหมาะสมสำหรับการฝึกโมเดลพื้นฐาน AI ขนาดใหญ่ที่มีพารามิเตอร์กว่าหนึ่งล้านล้านพารามิเตอร์
เปิดตัวโซลูชันอุตสาหกรรมอัจฉริยะ 9 โซลูชัน ตอบสนองความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของแต่ละอุตสาหกรรม อาทิ การเงิน, รัฐบาล, การผลิต, พลังงานไฟฟ้า การศึกษา การบิน และระบบคมนาคม
หัวเว่ยยังได้เปิดตัวสถาปัตยกรรมสำหรับการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอัจฉริยะในงานปีนี้ รวมถึงผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย สถาปัตยกรรมอ้างอิงนี้รวมอยู่ในสมุดปกขาวฉบับใหม่ของบริษัท ซึ่งมีชื่อว่า Accelerating Intelligent Transformation ซึ่งให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์และข้อมูลอ้างอิงเพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมต่างๆ ใช้ประโยชน์จากสติปัญญาให้เกิดประโยชน์สูงสุด
กลยุทธ์อัจฉริยะทั้งหมดของ Huawei
ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา หัวเว่ยได้ทำงานร่วมกับอุตสาหกรรมเพื่อขับเคลื่อนเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารไปข้างหน้า อันดับแรกด้วยกลยุทธ์ Al IP เพื่อรองรับข้อมูลข่าวสาร และจากนั้นด้วยกลยุทธ์ Al Cloud เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ในขณะที่ปัญญาประดิษฐ์เริ่มได้รับความนิยม และผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง กลยุทธ์ Al Intelligence ของ Huawei ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ทุกอุตสาหกรรมใช้ประโยชน์จากโอกาสเชิงกลยุทธ์ใหม่ ๆ ที่นำเสนอโดย AI ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
หัวใจสำคัญของกลยุทธ์นี้คือการจัดหาพลังประมวลผลจำนวนมหาศาลที่จำเป็นในการฝึกโมเดลพื้นฐานสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ โดยมุ่งมั่นที่จะสร้างกระดูกสันหลังด้านการประมวลผลที่แข็งแกร่งสำหรับจีน และอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับโลก ซึ่งจะเสริมสร้างการทำงานร่วมกันระหว่างฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ชิป เอดจ์ อุปกรณ์ และคลาวด์ต่อไป เพื่อมอบพื้นที่อุดมสมบูรณ์สำหรับระบบนิเวศที่เจริญรุ่งเรือง เป้าหมายสุดท้ายของเราคือการช่วยตอบสนองความต้องการการประมวลผล AI ที่หลากหลายของอุตสาหกรรมต่างๆ
“นับจากนี้ไป หัวเว่ยจะเจาะลึกในโดเมนผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่เราเป็นเลิศ และทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า คู่ค้า นักพัฒนา และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ เพื่อมอบโซลูชันอุตสาหกรรมที่ล้ำสมัยและใช้งานง่าย การทำงานร่วมกันทำให้เราสามารถ ช่วยส่งเสริมความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือทางดิจิทัลที่ดียิ่งขึ้น และเร่งความอัจฉริยะในทุกอุตสาหกรรม"