ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
การเมือง / การปกครอง ย้อนกลับ
“ราเมศ” ยกสามก๊ก เทียบ “ณัฐวุฒิ คือ ขุนพลไร้สัจจะ คบไม่ได้”
18 ก.ย. 2560

           นายราเมศ  รัตนะเชวง รองโฆษกและคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์  กล่าวถึง นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ  แกนนำ นปช. ที่ออกมาเรียกร้องให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) ดำเนินการ รื้อฟื้นคดีสลายการชุมนุมปี 2553 มาพิจารณาใหม่นั้น ว่า ถือเป็นการออกมาเรียกร้องที่ไร้ซึ่งหลักการที่ถูกต้อง  ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม  เป็นการใช้วาทกรรมเพื่อให้สังคมสับสนและเกิดความเข้าใจผิด  ทั้งที่คดีนี้ได้ยุติไปแล้ว ทั้งปัญหาข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย เพราะคดีนี้ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายุติแล้วว่าเป็นอำนาจของ ป.ป.ช  และมีความชัดเจนว่าไม่มีขั้นตอนไหนที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี  นายสุเทพ  เทือกสุบรรณ  อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง  และพลเอก อนุพงษ์  เผ่าจินดา ได้กระทำความผิดแต่อย่างใด

           รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า เมื่อคดีได้มีการวินิจฉัยที่สุดแล้ว การที่จะมาดำเนินคดีกับบุคคลที่เคยถูกสอบสวนอีกเป็นไปไม่ได้  ถือว่าขัดต่อหลักกฎหมาย  กล่าวคือเมื่อมีการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีอาญาผู้นั้นโดนดำเนินคดีซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่ได้ 

           “ ขณะนี้มีการปลุกระดมมวลชน ปลุกระดมความคิดเพื่อนำไปสู่ความความขัดแย้ง ด้วยการบิดเบือนข้อมูล สร้างวาทกรรมที่เป็นเท็จ  คนที่อยู่ในเหตุการณ์ และอธิบายได้ดีที่สุดในเหตุการณ์นี้คือ คนที่อยู่ในรัฐบาลนี้ เพราะได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย  ทราบดีว่าบ้านเมืองได้เกิดอะไรขึ้น  กลับกันรัฐบาลชุดนี้ต่างหากที่ควรเรียกร้องเพื่อให้ความเป็นธรรมให้กับนายทหารที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ เพราะคนที่ทำให้บ้านเมืองเสียหายยังกลับมีหน้ามาตะโกนเรียกหาความเป็นธรรม หากปล่อยไว้จากที่เป็นโจทก์ก็จะกลายเป็นจำเลย” รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

           นายราเมศ  กล่าวอีกว่า ความชั่วร้ายในบ้านเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงนั้น เกิดจากใคร นายณัฐวุฒิ และพวกทราบดี และรู้ว่าใครเป็นคนสร้างปัญหาให้กับบ้านเมือง การล้มการประชุมอาเซี่ยนที่พัทยา  การเผาบ้านเผาเมือง คนเผาติดคุก คนบุกล้มการประชุมติดคุก ทั้งๆ ที่มีแกนนำประกาศว่า “เผาไปเลย ผมรับผิดชอบเอง”   กลับไม่รับผิดชอบอะไรเลย และยังลอยนวลอยู่  

           “ในสามก๊กขุนพลแบบนี้ถือว่าไม่มีสัจจะ  ไม่มีคุณธรรม ทอดทิ้งลูกน้อง เอาตัวรอด คนแบบนี้คบไม่ได้ อย่าว่าแต่เป็นขุนพลเลยเป็นคนดูแลม้ายังไม่ได้เลย”นายราเมศ กล่าวและว่า ส่วนคดีที่ได้มีคนไปแจ้งความในข้อหายุยง ส่งเสริม ให้มีการบุกล้มการประชุมอาเซี่ยน  ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติต้องชี้แจงให้ชัดว่าคดีถึงไหน ในชั้นตำรวจหรือชั้นอัยการ เพราะดูจากข้อเท็จจริง ดูวิดีโอไปหลายรอบ คดีนี้ไม่น่าจะเป็นการสนับสนุน หรือ ยุยงส่งเสริม แต่น่าจะเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ เป็นตัวการร่วมอย่างชัดเจน

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...