นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง แจ้งว่า รัฐบาลฮ่องกงเตรียมออกกฎหมายควบคุมบรรจุภัณฑ์ที่ไม่จำเป็นสำหรับการส่งออกไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน หลังจากทางการจีนออกมาตรการควบคุมบรรจุภัณฑ์ส่วนเกินที่นำเข้าจากต่างประเทศ หรือ “Foreign Garbage” ตามที่ได้แจ้งแก่องค์การการค้าโลก (WTO) ไปก่อนหน้านี้ โดยฮ่องกงจะเริ่มมาตรการจัดการขยะเหล่านี้ตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2560
สืบเนื่องมาจากการประชุม WTO ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการรณรงค์ลดโลกร้อนและการสนับสนุนการนำสิ่งของที่ไม่ใช้แล้วกลับมาผลิตใช้ใหม่ โดยจีนในฐานะประเทศที่มีการบริโภคสินค้าสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ได้ออกประกาศสั่งห้ามนำเข้าสินค้าที่มีบรรจุภัณฑ์ที่เข้าข่ายขยะ ซึ่งครอบคลุมสินค้าที่ไม่จำเป็นรวม 24 รายการ อาทิ ลังกระดาษใส่ของ กล่องพลาสติก กล่องโฟม ฯลฯ
“มาตรการดังกล่าวส่งผลให้บริษัทผู้นำเข้าฮ่องกงที่นำเข้าสินค้าจากทั่วโลกจะต้องแยกลังหรือ กล่องที่บรรจุภายนอกทิ้งก่อนส่งออกไปยังจีน จนทำให้เขตซุนวาน (Tsuen Wan) ที่มีอาณาเขตการค้าติดต่อกับจีนนั้น มีขยะเหล่านี้มากถึงวันละ 4,000 ตัน ในขณะที่มีรายงานว่าความสามารถในการกำจัดขยะและการรีไซเคิลของเขตดังกล่าวอยู่ที่ระดับเพียง 2,500 ตัน” อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกล่าว
ทั้งนี้ ปริมาณขยะจากการส่งออกในบริเวณดังกล่าวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รัฐบาลฮ่องกงจึงได้เตรียมออกมาตรการควบคุมและป้องกัน เนื่องจากประเด็นนี้ได้กลายเป็นปัญหาทั้งในด้านเศรษฐกิจและด้านสุขภาพของประชาชนที่อาศัยในเขตนั้น ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แจ้งไปยังบริษัทผู้ทำการค้าและส่งสินค้าต่อไปยังปลายทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้าผ่านด่านทางรถยนต์เข้าสู่จีน ให้แจ้งแผนการจัดเก็บ การใช้ซ้ำ และการทำลายกล่องบรรจุภัณฑ์เหล่านั้นก่อนการส่งออก อีกทั้งยังขอความร่วมมือจากทางการจีนในการช่วยผ่อนปรนในช่วงปรับตัวนี้ด้วย
นายวิทยากร มณีเนตร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการข้างต้นจะบังคับใช้กับสินค้าที่นำมาบรรจุ แกะกล่อง หรือแยกบรรจุภัณฑ์ที่ฮ่องกง แล้วส่งต่อไปยังประเทศจีน ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของบริษัทผู้นำเข้าสินค้าเพื่อส่งออก และส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ผ่านช่องทางรถยนต์เป็นหลัก ส่วนสินค้าที่ส่งตรงจากต่างประเทศที่เข้าข่ายลักษณะดังกล่าว ทางการจีนจะประกาศข้อบังคับอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากจะต้องคำนึงถึงความสำคัญของบรรจุภัณฑ์ในด้านความปลอดภัยและการรักษาคุณภาพของสินค้าด้วย