กรมทางหลวงชนบท (ทช.) กระทรวงคมนาคม เปิดใช้สะพานหาดแดง - สุไหงมูโซ๊ะ (สะพานข้ามคลองดู) อำเภอละงู จังหวัดสตูล เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตในการเดินทางของประชาชนบ้านสุไหงมูโซ๊ะให้สามารถเดินทางเชื่อมระหว่างเกาะกับฝั่งแผ่นดินใหญ่บ้านตันหยงละไน้ได้อย่างสะดวกรวดเร็วปลอดภัย ประหยัดเวลาในการเดินทาง หากมีเหตุฉุกเฉินหรือการอพยพประชาชนในกรณีเกิดภัยพิบัติในอนาคต เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม สนับสนุนเศรษฐกิจการขนส่งสินค้าทางการเกษตรและการประมงในพื้นที่ ตามนโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ที่ผ่านมาประชาชนทั้งสองฝั่งได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก จังหวัดสตูลได้รับเรื่องร้องทุกข์จากประชาชนบ้านสุไหงมูโซ๊ะ หมู่ที่ 5 ตำบลแหลมสน อำเภอละงู จังหวัดสตูล ว่าหมู่บ้านมีสภาพพื้นที่เป็นเกาะตั้งอยู่ใกล้กับบ้านตันหยงละไน้ หมู่ที่ 1 บนฝั่งแผ่นดินใหญ่ ยังไม่มีถนนและไฟฟ้า ทำให้การเดินทางระหว่างเกาะกับแผ่นดินใหญ่เป็นไปด้วยความยากลำบากมานานกว่า 30 ปี เนื่องจากการเดินทางด้วยเรือต้องอาศัยจังหวะการขึ้นลงของน้ำทะเลและเสี่ยงภัยคลื่นลมในช่วงมรสุม ส่งผลให้ประชาชนประสบปัญหาเรื่องการกำหนดเวลาในการเดินทางเป็นอย่างมาก จังหวัดสตูลจึงขอให้ ทช. พิจารณาสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างสะพานข้ามคลองดู แต่เนื่องจากที่ตั้งโครงการอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเลนจังหวัดสตูล ตอนที่ 1 จึงจำเป็นต้องขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรี เพื่อขอใช้พื้นที่สำหรับดำเนินโครงการ โดยได้จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม เสนอให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ มีมติเห็นชอบ ทช. จึงได้เริ่มดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานฯ เมื่อปี 2563 มีจุดเริ่มต้นจากแยกทางหลวงชนบทสาย สต.3018 กม. ที่ 18+378 (ฝั่งบ้านตันหยงละไน้) และจุดสิ้นสุดโครงการบริเวณหน้ามัสยิดอัลมุตตกีน (ฝั่งบ้านสุไหงมูโซ๊ะ) โดยก่อสร้างเป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก ความยาว 1,320 เมตร พร้อมก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กต่อเชื่อม ยาว 1,742 เมตร ขนาด 2 ช่องจราจร ไป - กลับ ระยะทาง 3,062 เมตร รวมถึงติดตั้งราวสะพาน ผนังบนราวสะพาน เสาไฟฟ้าแสงสว่างและติดตั้งท่อระบายน้ำบนสะพาน ใช้งบประมาณ 291 ล้านบาท ปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์และเปิดให้ประชาชนได้ใช้สัญจรเรียบร้อยแล้ว โดยในที่ประชุมการมีส่วนร่วมภาคประชาชน มีมติในการตั้งชื่อสะพานว่า “สะพานหาดแดง - สุไหงมูโซ๊ะ”