ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในโอกาสที่ นายเศรษฐา ทวีสิน รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง มีกำหนดการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนในช่วงกลางเดือนนี้ เพื่อเจรจาความร่วมมือในด้านการค้าการลงทุนระหว่างไทย-จีน กระทรวงเกษตรฯ จะมีการลงนามพิธีสารด้านปศุสัตว์จำนวน 2 ฉบับ ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว ได้แก่ ความตกลงเพื่อแก้ไขพิธีสารระหว่าง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย กับ สำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ การกักกัน และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ เพื่อการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีกจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน
โดยที่ผ่านมาการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีกไปยังประเทศจีน เคยมีการลงนามในพิธีสารเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2561 ซึ่งประเทศไทยสามารถส่งออกได้เฉพาะเนื้อไก่ เนื้อเป็ด ชิ้นส่วนและเครื่องในไก่เท่านั้น แต่การแก้ไขพิธีสารเพื่อขยายขอบข่ายตามร่างความตกลงฯ ฉบับใหม่ดังกล่าว จะช่วยให้สามารถส่งออกชิ้นส่วนและเครื่องในเป็ดได้เพิ่มเติมอีก 18 รายการ เช่น ขา ปีก ตับ กึ๋น ลิ้น และปาก เป็นต้น ซึ่งเป็นที่นิยมบริโภคในจีน โดยคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าส่งออกชิ้นส่วนและเครื่องในเป็ดเพิ่มเติมมากกว่า 1,000 ล้านบาท/ปี จากในปี 2565 ประเทศไทยส่งออกเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีกไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนมีมูลค่ามากกว่า 13,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในปี 2565 ไทยมีมูลค่าการส่งออกสินค้าสัตว์ปีกประมาณ 1.5 แสนล้านบาท โดยปี 2566 ตั้งแต่ ม.ค. – ก.ย. มีมูลค่าการส่งออกแล้วประมาณ 9.3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น ตลาดส่งออกเนื้อสัตว์ปีกดิบ ญี่ปุ่น สัดส่วน 40% จีน 20% สหภาพยุโรป 14% และ อื่นๆ 26% ขณะที่ตลาดส่งออกเนื้อสัตว์ปีกแปรรูปปรุงสุก ได้แก่ ญี่ปุ่น 47% อังกฤษ 26% สหภาพยุโรป 14% และ อื่นๆ 13% ตามลำดับ
“ ในร่างพิธีสารดังกล่าวได้มีการเพิ่มรายการผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้เป็ดแช่แข็งเพื่อการบริโภค จำนวน 18 รายการ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งออกสินค้าผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ของไทยขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยสามารถส่งออกสินค้าประเภทชิ้นส่วนสัตว์ปีก และอวัยวะภายในไปยังจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดเป็นประโยชน์แก่เกษตรกรโดยตรง และเมื่อพิธีสารฯ และร่างความตกลงฯ ดังกล่าวมีการลงนามทั้งสองฝ่ายแล้ว จะเป็นการยืนยันว่าสาธารณรัฐประชาชนจีนเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์จากประเทศไทย ซึ่งจะเป็นการขยายตลาดและสร้างรายได้เข้าประเทศ โดยจะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ของไทยขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันมูลค่าการส่งออกสินค้าปศุสัตว์และอาหารสัตว์เลี้ยงไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน มีมูลค่ามากกว่า 15,000 ล้านบาท/ปี”
สำหรับพิธีสารฉบับที่สองที่จะไทย-จีนจะมีการลงนามร่วมกัน คือ พิธีสารว่าด้วยความปลอดภัยทางอาหารด้านการสัตวแพทย์และการป้องกันพืชเพื่อการส่งออกผลิตภัณฑ์ผึ้งจากไทยไปจีนเป็นครั้งแรก เพื่อขยายส่งออกให้ผู้เลี้ยงผึ้งและผลิตผลิตภัณฑ์จากผึ้งมีตลาดส่งออกขยายกว้างขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์จากผึ้ง ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยสามารถส่งออกได้เพียงสินค้าน้ำผึ้งเท่านั้น เมื่อมีการลงนามในพิธีสาร ฯ ผลิตภัณฑ์จากผึ้งในครั้งนี้ จะสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์จากผึ้งได้แก่ นมผึ้งและเกสรผึ้งได้เป็นครั้งแรก คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าการส่งออกประมาณ 100 ล้านบาท/ปี