นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ในพื้นที่การเกษตรและปริมาณน้ำฝนที่ตกสะสมทำให้หลายพื้นที่มีปริมาณน้ำเพียงพอต่อการเกษตร บางพื้นที่เกิดน้ำท่วมขังและน้ำป่าไหลหลาก รวมถึงเขื่อนและอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่มีปริมาณน้ำกักเก็บอยู่ในเกณฑ์น้ำมากและประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว ซึ่งทำให้โอกาสในการปฏิบัติการฝนหลวงลดน้อยลง กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงได้ปรับแผนการปฏิบัติการฝนหลวง ประจำปี 2566 โดยได้กำหนดให้ปิดหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 11 หน่วยทั่วประเทศ ได้แก่ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดตาก เชียงใหม่ พิษณุโลก กาญจนบุรี ลพบุรี ขอนแก่นนครราชสีมา สุรินทร์ ระยอง นครศรีธรรมราช และอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยให้เครื่องบินเดินทางกลับที่ตั้งจังหวัดนครสวรรค์ ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็ว จำนวน 3 ชุด เพื่อพร้อมปฏิบัติการฝนหลวงให้กับพื้นที่ที่ยังมีความต้องการน้ำ ในช่วงที่มีสภาพอากาศเหมาะสมเป็นระยะสั้นๆ เพื่อรับมือสถานการณ์แล้งหลังจากนี้ไป
กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จะยังคงให้ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงทั่วประเทศ ติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดและปฏิบัติการฝนหลวงในช่วงที่สภาพอากาศมีความเหมาะสม เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ที่มีความต้องการน้ำต่อไป