คณะกรรมการกำกับคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น ไฟเขียวออกประกาศ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การอนุญาตฝากเงินไว้ที่อื่นนอกจากธนาคารหรือบริษัทเงินทุน เพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ และยังคงอัตราค่าบำเหน็จในการเก็บรักษาสินค้าหรือให้บริการเกี่ยวกับสินค้าคงเดิม ปล่อยให้กลไกตลาดทำงานตามปกติ พร้อมมอบกรมการค้าภายในทำยุทธศาสตร์คลังสินค้า ไซโล และห้องเย็นสาธารณะ เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์ให้กับ SMEs และมอบ อคส.เพิ่มบทบาทบริหารจัดการสินค้าข้าว ข้าวโพด และอื่น ๆ ให้เพียงพอต่อความต้องการ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำกับคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น ครั้งที่ 1/2566 ว่า “คณะกรรมการชุดนี้ มีบทบาทในการออกประกาศ กำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็นสาธารณะที่อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น พ.ศ.2558 จึงต้องกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการประกอบธุรกิจ ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และยังต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งให้หน่วยงานของรัฐเร่งรัดตรวจสอบกฎหมายในความรับผิดชอบที่มีผลใช้บังคับก่อน 27 พ.ย.2562 ว่ามีบทบัญญัติที่ต้องออกกฎเพื่อที่ประชาชนจะสามารถปฏิบัติตามหรือไม่ และกรณีเป็นกฎที่หน่วยงานของรัฐนั้นดำเนินการให้แล้วเสร็จได้เอง ให้เร่งรัดให้แล้วเสร็จก่อน 27 พ.ย.2566”
สำหรับผลการประชุม คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาการออกประกาศคณะกรรมการฯ ภายใต้พระราชบัญญัติคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น พ.ศ. 2558 จำนวน 1 เรื่อง คือ การประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตฝากเงินไว้ที่อื่นนอกจากที่ธนาคารหรือบริษัทเงินทุน ซึ่งการพิจารณาอนุญาตเป็นอำนาจของอธิบดีกรมการค้าภายในก่อน และกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการประชาพิจารณ์หลักการในการออกประกาศดังกล่าวก่อนแล้ว และคณะกรรมการฯ มีมติ เห็นชอบใน (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการกำกับคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตฝากเงินไว้ที่อื่นนอกจากที่ธนาคารหรือบริษัทเงินทุน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการฯ เสนอ
นอกจากนั้น คณะกรรมการฯ ยังได้พิจารณาการกำหนดอัตราค่าบำเหน็จในการเก็บรักษาสินค้าหรือให้บริการเกี่ยวกับสินค้าไม่ให้สูงเกินสมควร ซึ่งกฎหมายกำหนดว่าจะกระทำได้เฉพาะเมื่อมีเหตุอันควรหรือจำเป็นในการรักษาระดับอัตราค่าบำเหน็จอย่างเป็นธรรม คณะกรรมการฯ มีมติ เห็นควรให้เป็นไปตามกลไกตลาดปกติและการแข่งขันเสรี เนื่องจากยังไม่มีเหตุผลอันควรหรือจำเป็นในการรักษาระดับอัตราค่าบำเหน็จในการเก็บรักษาสินค้าหรือให้บริการเกี่ยวกับสินค้าไม่ให้สูงเกินสมควร ทั้งนี้ หากพบว่ามีเหตุอันสมควรให้เสนอคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณาการออกประกาศในโอกาสต่อไป
นายภูมิธรรมกล่าวว่า “ยังได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในจัดทำยุทธศาสตร์คลังสินค้า ไซโล และห้องเย็นสาธารณะ โดยให้ร่วมกับสมาคมธุรกิจคลังสินค้า ไซโลและห้องเย็น และบรรดาสมาชิก ร่วมกันจัดทำ โดยให้แนวทาง ประกอบด้วยการเชื่อมโยงข้อมูล การนำนวัตกรรมมาใช้ในการให้บริการ การปรับปรุงการให้บริการ และการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ข่าวสารให้ผู้ประกอบการ และ SMEs มาใช้บริการคลังสินค้า ไซโล ห้องเย็น สาธารณะ ซึ่งยุทธศาสตร์จะเป็นแนวทางในการยกระดับมาตรฐานการประกอบธุรกิจ คลังสินค้า ไซโล และห้องเย็นสาธารณะ ให้เป็นกลไก สามารถช่วยเหลือ SMEs อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะหากบริหารให้มีประสิทธิภาพ จะเป็นการลดต้นทุนของ SMEs เท่ากับเป็นการลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศ”
นอกจากนั้น ยังได้มอบหมายให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในกำกับของกระทรวงพาณิชย์ เพิ่มบทบาทในการให้บริการ SMEs และบริหารจัดการสินค้า ที่มีนัยสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ เช่น ข้าว ข้าวโพด และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพื่อบริหารจัดการให้สินค้าเหล่านี้ มีเพียงพอต่อความต้องการใช้ เพื่อเป็น National Food Security โดยจะต้องทำงานสอดประสานกับยุทธศาสตร์คลังสินค้า ไซโล และห้องเย็นสาธารณะ ซึ่งทั้ง 2 เรื่อง มีจุดมุ่งหมาย เพื่อยกระดับการบริหารจัดการและลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ของประเทศ