ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
พลังงาน / สิ่งแวดล้อม ย้อนกลับ
กฟผ. แม่เมาะ คว้า 2 รางวัล “ASEAN Coal Awards 2017” สร้างชื่อเสียงระดับนานาชาติในการใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้า
29 ก.ย. 2560

         กฟผ. แม่เมาะ สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยในฐานะ “องค์กรที่มีความเป็นเลิศในกิจการถ่านหินของอาเซียน” โดยคว้า 2 รางวัล ASEAN Coal Awards 2017 จากรางวัลชนะเลิศ Best Practice for Surface Coal Mining Category และรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ด้าน Corporate Social Responsibility (CSR) Category ในเวที ASEAN Energy Awards 2017 ณ โรงเเรมคอนราด กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์
         นายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พร้อมด้วยนายถาวร งามกนกวรรณ รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง กฟผ. และผู้บริหารระดับสูง ร่วมเป็นตัวแทน กฟผ. เข้ารับรางวัลชนะเลิศ Best Practice for Surface Coal Mining Category จากผลงาน “Mae Moh Lignite Mine” และรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 Corporate Social Responsibility (CSR) Category จากผลงาน “The Community Collaboration for Sustainable Development in Mae Moh District” ซึ่งได้ถูกส่งเข้าร่วมประกวดใน ASEAN Coal Awards 2017 โดยคณะทำงานจัดการประกวดและคัดเลือกองค์กรที่มีความเป็นเลิศในด้านต่างๆ ของกิจการถ่านหินไทย กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ และได้รับการตัดสินโดยคณะกรรมการคัดเลือกองค์กรที่มีความเป็นเลิศในด้านต่างๆ ของกิจการถ่านหินของอาเซียน หรือ Board of Judge (BOJ) for ASEAN Coal Awards นับเป็นเครื่องยืนยันถึงการดำเนินงานตามมาตรฐานระดับนานาชาติ ซึ่ง กฟผ. แม่เมาะ ได้ปฏิบัติตามมาตรฐานที่ดีระดับอาเซียน ทั้งในด้านการใช้เทคโนโลยีสะอาดสำหรับถ่านหินในการผลิตไฟฟ้าโดยไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งดำเนินงานโดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม

         ทั้งนี้ กฟผ. แม่เมาะ ได้ให้ความสำคัญต่อเรื่องสิ่งแวดล้อมที่แหล่งกำเนิด มีการบริหารจัดการที่ดี สามารถนำถ่านหินมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้โรงไฟฟ้าสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างมั่นคง รวมทั้งให้ความสำคัญในเรื่องการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อให้ได้รับความรู้ความเข้าใจ และเกิดการยอมรับของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมในการพัฒนาจากทุกมิติ

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 1 - 15 ธันวาคม 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
02 ธ.ค. 2568
ต้องยอมรับว่า การปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยที่มั่นคง หัวใจสำคัญด้านหนึ่งต้อง มาจากฐานราก หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ การปกครอง ส่วนท้องถิ่นต้องเข้มแข็ง ซึ่งประเทศไทยเราเอง ก็พัฒนาขึ้นมาเป็นลำดับโดยเฉพาะเมื่อรัฐธรรมนูญ 2540 เปิดศักราชใหม่ให้กับการกระจายอำนาจลงสู่...