“รัดเกล้า” ย้ำ รัฐบาลเอาจริงเรื่อง EV ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ร่วมด้วยช่วยกันสนับสนุนการผลิตและการใช้รถยนต์ไฟฟ้า มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วน EV สำคัญของภูมิภาค และเป็นผู้นำอาเซียนด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
วันที่ 22 ตุลาคม 2566 นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า รัฐบาลเอาจริงเอาจัง มุ่งมั่นสนับสนุนการผลิตและการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) ที่ปล่อยมลพิษเป็น 0 เดินหน้าสานต่อนโยบาย Carbon Neutrality ให้ประเทศไทยเป็นผู้นำอาเซียนด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ ใช้การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ
รองโฆษกฯ รัดเกล้าฯ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ย้ำ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อสนับสนุนการผลิตและการใช้ EV ที่ปล่อยมลพิษเป็น 0 เพื่อให้ไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ รวมถึงการเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065 ดังนี้
ให้ 5 กระทรวงร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ประกอบด้วย กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษาและกำหนดนโยบายและมาตรการรองรับการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์สันดาปภายในมาเป็น EV
ควบคู่กับให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พิจารณากำหนดนโยบายและมาตรการเพื่อส่งเสริมให้เกิดห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) EV ภายในประเทศอย่างครบวงจร เพื่อรองรับการผลิต EV ภายในประเทศ และรองรับการเป็นศูนย์กลางการผลิต EV และชิ้นส่วนสำคัญของภูมิภาค
ทั้งสิ้นนี้ ให้ทำควบคู่กับคำส่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมาคือ 1. ให้ทุกหน่วยราชการ และหน่วยงานของรัฐพิจารณาดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง EV มาใช้ในราชการแทนรถยนต์เดิมที่จะหมดอายุการใช้งาน หรือที่จะต้องจัดซื้อจัดจ้างขึ้นใหม่ เพื่อรองรับภารกิจใหม่หรือผู้ดำรงตำแหน่งใหม่ 2. ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงการคลังพิจารณากำหนดมาตรการและมาตรฐาน เพื่อขับเคลื่อนการปรับปรุงรถสาธารณะทุกชนิดให้เป็น EV และดำเนินการตามขั้นตอนให้ถูกต้อง เพื่อให้มีผลใช้บังคับโดยเร็วต่อไป และ 3. ให้กระทรวงพลังงานร่วมกับกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการ เพื่อสนับสนุนการก่อสร้างโครงข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับการใช้งาน EV ให้เพียงพอต่อความต้องการใช้งานตามความจำเป็นเร่งด่วนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
“รัฐบาลได้เร่งเตรียมความพร้อม วางมาตรการและนโยบายอย่างครอบคลุมเพื่อจะไปสู่เป้าหมายความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมและชัดเจน แม้เป้าหมายจะมีความท้าทาย และต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทุกหน่วยงานของรัฐพร้อมเดินหน้า ดำเนินมาตรการและนโยบาย สนับสนุนให้ไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และใช้เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ” นางรัดเกล้าฯ กล่าว