เกิดเหตุเพลิงไหม้ใจกลางเมืองชัยภูมิย่านเศรษฐกิจ ชาวบ้านร้านค้าเร่งช่วยกันขนของออกจากบ้านกันอย่างอลหม่านทั้งคืน ระดมรถดับเพลิงจากทุกตำบลในเขต อ.เมืองชัยภูมิ และนครราชสีมาทั้งหมดนับ 50คัน เร่งสกัดเพลิงคาดต้องใช้เวลาดับได้อีกนานถึง4ชม.เพลิงจึงสงบ เผาผลาญอาคารร้านค้ากว่า 30 คูหา มูลค่าไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท!
ชัยภูมิ เมื่อเวลา 03.00 น.วันที่ 21 ต.ค.66 ที่ผ่านมาเกิดเหตุสุดระทึกอลหม่านย่านร้านค้าโซนเศรษฐกิจกลางเมืองชัยภูมิ ขึ้นอีกครั้ง หลังเมื่อช่วงค่ำวานนี้ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 19.15 น.ของวันที่ 20 ต.ค.66 ทาง ร.ต.อ.ธีรพันธ์ สุนทรวิภาค รอง สว.(สอบสวน)สภ.เมืองชัยภูมิ รับแจ้งเกิดเหตุไฟไหม้ อาคารพาณิชย์สูง 2ชั้น 2 คูหา ย่านกลางเมืองชัยภูมิ ตั้งอยู่ภายในย่านตลาดสดโซนเศรษฐกิจย่านกลางเมืองชัยภูมิ ในเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ
เจ้าหน้าที่ได้เร่งระดมรถน้ำมาดับเพลิงไหม้ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบลงได้ ทำให้ตัวอาคารร้านค้าขนาดสูง 2 ชั้น 2 คูหา ซึ่งเปิดเป็นร้านจำหน่วยผ้าไหม เครื่องนอน เลขที่273/112-113ก.ถนนยุติธรรม ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ เกิดจากตัวอาคารเก่าไฟฟ้ารัดวงจร ได้รับความเสียหายแล้วกว่า 10 ล้านบาท
ก่อนที่จะมีการเข้าตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้จากกองพิสูจน์หลักฐานอีกครั้งในช่วงเช้าวันนี้( 21 ต.ค.66 ) แต่อยู่ดีๆเมื่อช่วงเวลาประมาณ 03.00 น.วันที่ 21 ต.ค.66 ที่ผ่านมา เพลิงจากบ้านติดต้นเพลิงเดิมได้มีเสียงระเบิดจากอาคารที่ติดกับที่เกิดเพลิงไหม้มาก่อนหน้านี้ขึ้นก่อนหน้านี้และจากแรงลมหนาวที่พัดแรงในช่วงนี้ ทำให้เกิดเพลิงไหม้ลุกลามขยายวงกว้างอย่างรวดเร็วเข้าไปยังตัวอาคาร บ้านเรือนประชาชนที่ตั้งอยู่ติดกัน ย่านตลาดร้านค้าโซนเศรษฐกิจใจกลางเมืองชัยภูมิ อีกเป็นรอบที่2พภายในคืนเดียว ชาวบ้านหลายร้อยคนต้องพากันขนของหนีออกจากบ้านที่เพลิงกำลังลุกลามเข้ามาใกล้กันอลหม่านมาตลอดทั้งคืน เพื่อมายืนดูเจ้าหน้าที่ระดมรถน้ำมาช่วยดับเพลิงกันอย่างต่อเนื่อง
ทั้งทางด้าน นายสมบัติ ไตรศักดิ์ รักษาการผู้ว่าราชการ จ.ชัยภูมิ พร้อมด้วย นายวรศิษย์ พุฒจีบ นายอำเภอเมืองชัยภูมิ และ นายธีวรา วิตนากร นายกเทศมนตรีเมืองชัยภูมิ ต้องระดมขอกำลังรถดับเพลิงจากทุกตำบลกว่า 10 ตำบล อำเภอใกล้เคียงและจ.นครราชสีมาพร้อมชุดผจญเพลิง จำนวนมากกว่า 50 คัน เข้าช่วยกันสกัดเพลิงมาตั้งแต่จนถึงช่วงเวลา 07.00 น.วันนี้( 21 ต.ค.66) ที่ขณะนี้ก็ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงให้สงบลงได้มีอาคารร้านค้าในพื้นที่ย่านกลางเมืองชัยภูมิ ถูกเพลิงไหม้เสียหายแล้วจำนวนมากกว่า 30 คูหา มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นไม่น้อยกว่า 50-100 ล้านบาท
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จากทางอำเภอ และเทศบาลเมืองชัยภูมิ ยังต้องระดมรถน้ำเข้ามาดับเพลิงที่ยังไหม้อยู่ต่อเนื่อง ที่สามารถควบคุมสถานการณ์พื้นที่เกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ได้แล้วประมาณ 70 % ขณะนี้ช่วงเวลา08.00น.ใช้เวลากว่า4ชม.สามารถสกัดเพลิงได้อยู่วงจำกัดแล้ว เผาผลาญอาคารพาณิชย์กว่า30คูหา ทั้งร้านทองจำนวน2ร้าน ร้านจำหน่ายเครื่องไฟฟ้า และที่เสียหายทั้งหมดเป็นขายอุปกรณ์ก่อสร้างประเภทสีชื่อร้านศิริภัณฑ์ที่เป็นเชื้ออย่างดีเกือบ10คูหาเสียหายทั้งหมด
ทางด้านนายสมบัติ ไตรศักดิ์ รักษาการผู้ว่าการจังหวัดชัยภูมิ ได้อำนวยความสะดวกพร้อมระดมรถดับเพลิงจากเขตใกล้เคียงทั้งหมดเข้าช่วยสกัดเพลิงไม่ให้ลามมากกว่านี้ ล่าสุดสามารถสกัดเพลิงได้แล้ว คาดว่าวอดประมาณ30คูหา ค่าเสียหายประมาณ100ล้าน เบื้องต้นให้จนท.เข้าตรวจสอบความเสียหายและให้กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุของการเพลิงไหม้ซ้ำรอบสองอีกครั้งว่าเกิดจากสาเหตุใดอีกครั้ง
ซึ่งนายนายธีวรา วิตนากร นายกเทศมนตรีเมืองชัยภูมิ บอกว่าหลังควบคุมเพลิงไหม้ครั้งแรกได้ประมาณ 21.00น.ได้มีรถน้ำดับเพลิงคอยฉีดน้ำควบคุมเพลิงตลอดจนถึงเที่ยงคืนไฟดับหมดแล้ว แต่แล้วช่วงเวลาประมาณตี 4 ได้รับแจ้งเกิดไฟประทุขึ้นอย่างรวดเร็วในด้านหลังบ้านหลังแรกเกิดไฟไหม้ ซึ่งจากการมาดูพบว่าบ้านต้นเพลิง 2 คูหาที่เกิดไฟไหม้ในตอนหัวค่ำ สภาพยังคงเดิม ไม่มีต้นกำเนิดไฟ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าไฟประทุมาจากด้านหลังบ้านหลังแรก ซึ่งเราก็ยังไม่สามารถจับประเด็นได้ว่าไฟไหม้ครั้งที่ 2 เกิดจากอะไร ซึ่งมีเสียงลือจากชาวบ้านว่ามีเสียงระเบิดขึ้นที่ด้านหลังบ้านเกิดไฟไหม้จุดแรก ซึ่งเราไม่รู้ว่าเสียงระเบิดมาจากอะไร แล้วเกิดไฟโหมขึ้นจากด้านหลังบ้านไฟไหม้หลังแรก ดังนั้นในเบื้องต้น สามารถยืนยันได้ครับว่ามันเป็นคนละจุดแน่นอน เพราะว่าหากเป็นความสะเพร่าของเจ้าพนักงาน จะต้องสอบสวนกันถึงที่สุด แต่ฟังดูเหตุการณ์แล้วแล้ว ดูจากหลักฐานเบื้องต้น พอจะเชื่อได้ครับว่า ไฟไหม้ครั้งที่2 ไม่ใช่เริ่มจากจุดเดิม ซึ่งมีหลายสาเหตุด้วยกัน ซึ่งต้องให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบก่อนจึงจะตอบได้ ส่วนในด้านความมั่นคงแข็งแรงของตัวอาคารตึกคอนกรีต ที่ถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหายต้องมีการสำรวจความแข็งแรงของโครงสร้าง จะสามารถใช้งานได้อยู่หรือเปล่า อยู่ประมาณ 30 คูหา มีอาคารพาณิชน์ที่เป็นไม้ก่อสร้างมานานกว่า40-50ปีเสียหายทั้งหมดเกือบ20คูหาและอาคารพาณิชย์4ชั้นเกือบ10คูหา มูลค่าความเสียหายประมาณ 50 ล้านบาทหรืออาจจะถึง100ล้าน ต้องรอให้เจ้าของกิจการให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่อีกทีจึงจะทราบความเสียหายเท่าไร
อธิวัฒน์ เตียเจริญภักดี
จังหวัดชัยภูมิ รายงาน