บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ และบริษัทในกลุ่มบีเจซี เดินหน้าตามนโยบาย ห้างคนไทยหัวใจคือลูกค้า จับมือ กระทรวงพาณิชย์ จัดโครงการ “Big C Big Success ธุรกิจไทย โตไปด้วยกัน (Big C SME Matching Day 2017)” เป็นครั้งแรก หลังจากได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ 5 กรมหลักของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งได้แก่ กรมการค้าต่างประเทศ กรมการค้าภายใน กรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมพัฒนาธุรกิจการค้าและกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทยที่มีสินค้า มีความฝันและมีความพร้อมที่จะเติบโตไปด้วยกันกับบิ๊กซี โดยช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย และครอบคลุมทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าโอท็อป สินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย (GI) หรือสินค้าของเอสเอ็มอี ที่มีแหล่งผลิตในท้องถิ่น ได้มีโอกาสในการเรียนรู้ และพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการให้กว้างไกลและก้าวทันโลก ก้าวทันการเปลี่ยนแปลง
นายอัศวิน เตซะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี กล่าวว่า ทางบิ๊กซี มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการมุ่งมั่นซึ่งการเป็น “ห้างคนไทยหัวใจคือลูกค้า” ในการดำเนินธุรกิจค้าปลีกเคียงคู่สังคมไทย และตระหนักถึงความสำคัญของเอสเอ็มอี ที่เป็นแรงผลักให้เกิดความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ บิ๊กซีจึงจัดโครงการ SME Matching ขึ้นเพื่อให้ผู้ประกอบการได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกัน ช่วยแก้ปัญหาหลักของผู้ประกอบการไทย ที่ส่วนใหญ่จะขายอยู่ในตลาดเดิม ๆ และยังขาดโอกาสในการเข้าถึงช่องทางศักยภาพที่จะช่วยกระจายสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยตั้งเป้าว่าจะมีผู้ประกอบการมาเข้าร่วมโครงการนี้มากกว่า 1000 ราย
นอกจากนี้ภายในงานยังจัดให้ผู้ประกอบการได้พบปะ นำเสนอสินค้า รวมถึงออกบูทภายในงาน และยังมีโอกาสได้ พบนวัตกรรมใหม่ๆ ในวันที่ 3 - 5 ตุลาคม 2560 ที่ ณ บิ๊กซี สาขารังสิต 2 (โซนอะคาเดมี่) และมอบสิทธิพิเศษให้ SME ไทย ด้วยการยกเว้นค่าแรกเข้าที่บิ๊กซี (ตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด) สำหรับผู้ประกอบการที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นบริษัทเล็กๆก็มีที่ยืนในบิ๊กซี เพราะเราจะเติบโตไปพร้อมกัน ซึ่งบริษัทมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างประโยชน์สูงสุดให้เกิดแก่ผู้ประกอบการไทย ได้อย่างแท้จริง อีกทั้งจะเป็นอีกหนึ่งกลไกที่สามารถช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เป็นไปตามแผนยุทธศาตร์ของชาติ ให้สัมฤทธิ์ผลและเป็นจริงได้
นายวิชัย เบญญาดิลก ผู้ช่วยรองประธานฝ่ายจัดซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบริษัทบีเจซี กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันบิ๊กซีส่งเสริมคู่ค้าที่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกว่า 100 ราย โดยเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าเอสเอ็มอีรวมทั้งสิ้นประมาณกว่า 500 รายการ และยังมีการเพิ่มปริมาณสินค้าเอสเอ็มอีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสินค้าเกษตร และรวมถึงกลุ่มขนมขบเคี้ยว สินค้าของฝากที่เป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติ ซึ่งการเข้ามาเป็นคู่ค้ากับเรานั้น ไม่เพียงแต่จะมีช่องทางการขายที่บิ๊กซีเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสเป็นพันธมิตรกับกลุ่มบริษัทในเครือบีเจซีอีกด้วย โดยหลักเกณฑ์ของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เข้าร่วม จะต้องมีคุณภาพดี มีอย.รับรอง มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร ราคาคุ้มค่าและดึงดูดลูกค้า ผู้ประกอบการมีแรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนธุรกิจ รักในธุรกิจค้าปลีก และอยากจะเติบโตคู่กับบิ๊กซี ซึ่งการเข้ามาเป็นคู่ค้ากับบิ๊กซียังทำให้ผู้บริโภคได้มั่นใจมากขึ้นกับคุณภาพของสินค้าอีกด้วย เพราะบิ๊กซีมีมการคัดเลือกสินค้าที่ได้มาตรฐาน
ด้าน นายพิริยะ กมลเดชเดชา ผู้ช่วยรองประธานฝ่ายจัดซื้อสินค้าประเภทอาหารสด บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยเปรียบเสมือนเป็นครัวของโลก เรามีสินค้าอาหารสดหลายอย่างที่มีคุณภาพ แต่ยังขาดการสนับสนุน บิ๊กซีจึงอยากสนับสนุนเกษตรกรไทยให้มีช่องทางการค้าที่มากขึ้นและไม่ถูกเอาเปรียบ อีกทั้งบิ๊กซีเองยังต้องการผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มความหลากหลายของสินค้าอาหารสด และสนับสนุนคู่ค้าและเกษตรกร หรือผู้ผลิตสินค้ารายย่อย บิ๊กซีเรามีความพร้อมเรื่องช่องทางการจัดจำหน่ายและสามารถที่จะร่วมพัฒนาสินค้ากับผู้ประกอบการให้ตรงใจผู้บริโภค โดยเฉพาะปัจจุบันสินค้าทางการเกษตรหลายชนิดทั้งสด และแปรรูปที่ผลิตในประเทศไทย ได้รับความนิยมจากทั้งผู้บริโภคคนไทย และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก
นายไมเคิล แอมเบอร์ ผู้ช่วยรองประธานเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบริษัทบีเจซี กล่าวว่า เนื่องจากบิ๊กซีเป็นผู้นำด้าน
อุตสากรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย โดยมีพันธมิตรในกลุ่มเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายประมาณ 300 ราย และยังมองหาผู้ประกอบการอีกจำนวนมากเพื่อมาตอบความต้องการของลูกค้า และเสริมความแข็งแกร่ง
ของเรา โดยบิ๊กซีได้เข้าไปให้คำแนะนำแนวทางการค้า การวางแผนเพื่อการเติบโต และช่วยควบคุม
คุณภาพการผลิต รวมถึงเป็นจุดกระกระจายสินค้าทั่วประเทศให้กับผู้ประกอบการที่เข้ามาเป็นพันธมิตรกับบิ๊กซีอีกด้วย
นายอัศวินฯ กล่าวปิดท้ายว่า สำหรับโครงการ “Big C Big Success ธุรกิจไทย โตไปด้วยกัน” ในครั้งนี้ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพียงแค่หาผู้ประกอบการ หรือพันธมิตรเจ้าใหม่เข้ามาขายของที่บิ๊กซีเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องการที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และสินค้าไทย ซึ่งบิ๊กซีพร้อมช่วยพัฒนาศักยภาพของเอสเอ็มอีไทยอย่างต่อเนื่อง ให้เติบโตไปด้วยกันด้วยความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนคู่กับบิ๊กซี ตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่ต้องการสร้างผู้ประกอบการในทุกระดับ ให้มีศักยภาพในการสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นส่วนหนึ่งในกลไกสำคัญของการขับเคลื่อนนโยบาย Thailand 4.0 ของประชาชนชาวไทยให้เป็นจริง