รัฐบาลปิดหีบจัดเก็บรายได้ปีงบ 66 เกินเป้ากว่า 1.7 แสนล้าน จัดเก็บได้กว่า 2.66 ล้านบาท มีรายจ่ายกว่า 3.26 ล้านล้านบาท กู้ชดเชยขาดดุล 6.24 แสนล้านบาท ส่งผลเงินคงคลังสูง 5.39 แสนล้านบาท
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังแถลงข่าวผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิปีงบประมาณ 2566 (ต.ค.2565 – ก.ย.2566) ว่า รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิจำนวน 2.66 ล้านล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณกว่า 1.74 แสนล้านบาท หรือ 7.0% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.3%
หน่วยงานที่จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการที่สำคัญ ได้แก่
1. กรมสรรพากร โดยเฉพาะจากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยกรมสรรพากรจัดเก็บได้กว่า 2.2 ล้านล้านบาท เกินกว่าเป้าหมาย 9%
2. ส่วนราชการอื่น เนื่องจากมีรายได้พิเศษที่ไม่ได้อยู่ในประมาณการ เช่น การนำส่งทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนเป็นรายได้แผ่นดิน เงินส่วนเกินจากการจำหน่ายพันธบัตรจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล การนำส่งเงินเหลือจ่ายจากเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา และฟื้นฟู เศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ใน พ.ศ. 2563 เป็นรายได้แผ่นดิน รายได้จากสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นต้น โดยรายได้จากหน่วยงานอื่นอยู่ที่ 2.32 แสนล้านบาท เกินกว่าเป้าหมาย 53.3%
3. กรมศุลกากร เนื่องจากมูลค่าการนำเข้าสูงกว่าประมาณการ ซึ่งเป็นผลของค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง ประกอบกับมีการชำระอากรขาเข้าย้อนหลังตามคาพิพากษาคดี โดยกรมศุลกากรจัดเก็บรายได้ 1.26 แสนล้านบาท เกินกว่าเป้าหมาย 20.1%
อย่างไรก็ดี การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตต่ำกว่าประมาณการจากการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเป็นระยะเวลา 10 เดือน เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนเป็นการชั่วคราวจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่อยู่ในระดับสูง โดยจัดเก็บได้ 4.77 แสนล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 15.8%
ทั้งนี้ หากไม่รวมรายได้พิเศษของส่วนราชการอื่นและกรมศุลกากร ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิสูงกว่าประมาณการ 1 แสนล้านบาท หรือ 4.1% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.4%
สำหรับฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดปีงบประมาณ 2566 นั้น เมื่อรัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 2.66 ล้านล้านบาท ในขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 3.26 ล้านล้านบาท โดยรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 6.24 แสนล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือน ก.ย.2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 5.39 แสนล้านบาท ลดลงจากสิ้นปีงบ 2565 จำนวน 13.6%