“สุริยะ” ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงข่ายทางหลวงที่สำคัญในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ขับเคลื่อนคมนาคมขนส่งในภาคอีสาน อำนวยความสะดวก ปลอดภัยในการสัญจรแก่พี่น้องประชาชน ตามนโยบาย “คมนาคม เพื่อความอุดมสุขของประชาชน”
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ติดตามการก่อสร้างโครงการสำคัญในโครงข่ายทางหลวง ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการคมนาคมขนส่งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมด้วย นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม และนายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคมและโฆษกกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง และนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) ร่วมลงพื้นที่ โดยมี นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ ผู้นำท้องถิ่น ผู้แทนภาคเอกชน และประชาชนร่วมให้การต้อนรับ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2566
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงาน เพื่อรับฟังและแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน สำหรับวัตถุประสงค์หลักของการตรวจราชการครั้งนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าและรับฟังบรรยายสรุปการดำเนินงานของโครงการสำคัญต่าง ๆ ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม และได้ลงตรวจพื้นที่โครงการสำคัญต่าง ๆ ดังนี้
1. โครงการขยายช่องจราจรทางหลวงหมายเลข 221 ตอนแยกพยุห์ - อ.ศรีรัตนะ กม. ที่ 21+870 - 37+200 และโครงการขยายสี่ช่องจราจรจากแยกพยุห์ ไปอำเภอไพรบึงบรรจบแยกหัวช้าง เนื่องจากสายทางดังกล่าวผิวจราจรชำรุดและแคบ ทำให้พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดศรีสะเกษได้รับความเดือดร้อนในการสัญจร ซึ่งกรมทางหลวง (ทล.) ได้เข้าดำเนินการปรับปรุงช่อมแชมให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานแล้วตามที่ได้รับจัดสรรงบประมาณ ประจำปี 2566 เพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์ของประชาชนที่เดือดร้อนในเบื้องต้น นอกจากนี้ ได้ลงพื้นที่โครงการขยายถนนทางหลวงหมายเลข 2111 ณ ตำบลพยุห์ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอด้านโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ เพื่อหาแนวทางแก้ไขต่อไป
2. โครงการขยายช่องจราจรทางหลวงหมายเลข 221 ตอนแยกพยุห์ - อ.ศรีรัตนะ ตอนศรีรัตนะ - ห้วยตามาย และตอนห้วยตามาย - แยกการช่าง โดยได้รับทราบจาก ทล. ว่าพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดศรีสะเกษได้รับความเดือดร้อนในการสัญจร เนื่องจากผิวจราจรชำรุดและแคบ ซึ่ง ทล. ได้ดำเนินการปรับปรุงช่อมแชมให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานแล้วตามที่ได้รับจัดสรรงบประมาณ ประจำปี 2566 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในเบื้องต้น
3. โครงการทางหลวงหมายเลข 2412 ตอนท่าศาลา - ละทาย ระหว่างช่วง กม. ที่ 12+000 - 20+400 อำเภอกันทรารมย์ โดยสายทางดังกล่าวผิวการจราจรชำรุดทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เบื้องต้น ทล. ได้ดำเนินการปรับปรุงช่อมแชมให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานแล้วตามที่ได้รับจัดสรรงบประมาณ ประจำปี 2566 และจะเร่งบรรจุโครงการฯ เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณการบูรณะฟื้นฟู ประจำปี 2567 ต่อไป
นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ตนได้นำคณะผู้บริหารกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบโครงการก่อสร้างโครงข่ายทางหลวงที่สำคัญในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณมาดำเนินการให้เหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการของพี่น้องประชาชน และแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงประเด็น เพื่อให้โครงข่ายทางหลวงมีประสิทธิภาพและรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจการท่องเที่ยว และการขนส่งผลผลิตทางการเกษตรของจังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดใกล้เคียงอีกด้วย
นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจสำหรับปัญหาต่าง ๆ โดยขณะนี้ทุกหน่วยงานอยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทั้งเรื่องถนนหนทาง ภัยแล้ง และเรื่องอื่น ๆ จึงได้มาพบพี่น้องประชาชนในวันนี้ เพื่อรับฟังปัญหา เพิ่มเติม และจะนำปัญหาที่ได้รับไปหาแนวทางแก้ไขให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป
นายชยธรรม์ พรหมศร กล่าวว่า สำหรับนโยบายของกระทรวงคมนาคมนั้น นอกจากการพัฒนาโครงข่ายทางถนนแล้ว ยังมีทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ โดยในส่วนของการพัฒนาระบบราง จะมีโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินโครงการในระยะที่ 2 เช่น ช่วงชุมทางถนนจิระ - อุบลราชธานี ซึ่งจะพัฒนาเป็นลำดับต่อไป ทั้งนี้ ขอให้มั่นใจว่ากระทรวงคมนาคมให้ความสำคัญในการเดินทางของพี่น้องประชาชนทุกภูมิภาค เพื่อให้คนไทยสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก ปลอดภัย ตรงเวลา ในราคาสมเหตุสมผล
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ขอบคุณทุกส่วนราชการ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้นำท้องถิ่น และพี่น้องชาวจังหวัดศรีสะเกษ ที่ให้การต้อนรับ และแจ้งให้ทราบถึงปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในวันนี้ และตนจะเร่งรัดจัดสรรงบประมาณให้ ทล. ดำเนินการโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดไว้ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีถนนหนทางที่มีประสิทธิภาพ สามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย เพื่อความอุดมสุขของประชาชนอย่างยั่งยืนต่อไป