โฆษกรัฐบาลแจง เงินเฟ้อของไทยเดือน ต.ค. 66 ลดลงร้อยละ 0.31 ลดลงครั้งแรกในรอบ 25 เดือน เป็นผลจากรัฐบาลมุ่งลดค่าครองชีพ บรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน ย้ำ รัฐบาลเร่งเดินหน้าฟื้นเศรษฐกิจไทยอย่างเต็มสูบ
นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ตามที่กระทรวงพาณิชย์ โดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ได้เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป หรือเงินเฟ้อของไทยเดือนตุลาคม 2566 เท่ากับ 107.72 เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2565 ที่ 108.06 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงร้อยละ 0.31 ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 25 เดือน ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมเดือนตุลาคม 2566 ปรับสูงขึ้นอยู่ที่ระดับ 55.8 จากระดับ 55.7 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการปรับสูงขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และอยู่ในช่วงความเชื่อมั่นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565 โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันปรับสูงขึ้น ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) ปรับลดลง แต่ยังอยู่ในช่วงความเชื่อมั่น
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อที่ลดลง เป็นผลจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาลผ่านมาตรการต่าง ๆ ที่มุ่งลดค่าครองชีพบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งในส่วนของค่าครองชีพในชีวิตประจำวัน สินค้าหลายรายการมีการปรับลง อันเนื่องมาจากการปรับลดค่าไฟฟ้าและราคาน้ำมันของภาครัฐ ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า ก่อนที่รัฐบาลจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจอีกครั้ง แต่การที่ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปลดลง ยังสะท้อนภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่อ่อนแอ ผู้บริโภคยังขาดกำลังซื้อและสภาพคล่องที่เพียงพอ อุปสงค์อยู่ในระดับต่ำ ไม่สามารถจูงใจให้เกิดการผลิตและการจ้างงานเพิ่ม ภาวะที่เงินเฟ้อต่ำติดลบและเศรษฐกิจโตต่ำ อัตราการใช้กำลังการผลิต จะนำไปสู่ “ภาวะเงินฝืดและการว่างงาน” ที่ยาวนาน หากไม่เร่งใช้นโยบายการเงินและการคลังแบบผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
“เงินเฟ้อต่ำนี้ เป็นผลพวงของโจทย์ที่ส่งต่อมาจากก่อนหน้ารัฐบาลนี้จะเข้ามาบริหารประเทศ ถือเป็นสัญญาณทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนว่า เพราะเหตุใดรัฐบาลนี้จึงต้องการอัดฉีดเงินใหม่ก้อนใหญ่เข้าไปฟื้นสัญญาณชีพของเศรษฐกิจไทย ให้กลับมาเดินเครื่องได้อีกครั้ง เพื่อความพร้อมที่จะรับลูกจากมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้านต่าง ๆ ที่รัฐบาลนี้กำลังริเริ่มและเร่งเดินหน้าอย่างเต็มสูบอยู่ในขณะนี้” นายสัตวแพทย์ชัย กล่าว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมที่ปรับสูงขึ้นในเดือนตุลาคมนี้ มาจากเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ทั้งจากภาคการท่องเที่ยว และการส่งออกของไทยที่ขยายตัวติดต่อกัน 2 เดือน โดยเฉพาะราคาสินค้าเกษตรสำคัญ ทั้งข้าวเปลือก มันสำปะหลัง และยางพารา ราคาปรับสูงขึ้น ส่งผลให้รายได้เกษตรกร และค่าจ้างเฉลี่ยอยู่ในระดับดี ส่งให้อุปสงค์ในประเทศปรับตัวดีขึ้น จากการขับเคลื่อนนโยบาย Quick Win ของรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม ส่วนแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนพฤศจิกายน 2566 คาดว่าจะปรับลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2565 ตามราคาสินค้าในกลุ่มอาหาร (เนื้อสัตว์ เครื่องประกอบอาหาร) และกลุ่มพลังงาน (ไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง) รวมถึงสินค้าอุปโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพหลายรายการ และต้นทุนการผลิตที่ปรับลดลง จากมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ มีส่วนทำให้อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลง