ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯม.หอการค้าไทย เผย ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.66 อยู่ที่ระดับ 60.2 ปรับตัวสูงสุดในรอบ 44 เดือน จากนโยบายลดค่าครองชีพรัฐบาล แต่ยังกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามในตะวันออกกลาง
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า จากการสำรวจตัวอย่างประชาชนทั่วประเทศจำนวน2,245 คน พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค.66 อยู่ที่ระดับ 60.2 ปรับตัวดีขึ้นจากในเดือน ก.ย.ที่ 58.7 เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และถือว่าดัชนีปรับตัวสูงสุดในรอบ 44 เดือน นับตั้งแต่ มี.ค.62
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ 54.5 ส่วน ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางาน อยู่ที่ 57.0 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 69.2 ซึ่งดัชนีฯ ทุกรายการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 44 เดือนเช่นกัน
"ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.นี้ ดีสุดในรอบ 44 เดือน นับตั้งแต่มี.ค.62 เป็นการทำลายสถิติทุกตัว ทั้งดัชนีเศรษฐกิจโดยรวม, ดัชนีหางานทำ และดัชนีรายได้อนาคต เพราะคนรู้สึกว่าเศรษฐกิจค่อยๆ ดีขึ้นใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด" นายธนวรรธน์ กล่าว
การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นหลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่และรัฐบาลจัดทำนโยบายลดค่าครองชีพโดยลดค่าไฟฟ้าและค่าน้ำมัน ตลอดจนมีนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ นอกจากนี้ผู้บริโภคเห็นว่าการเมืองไทยจะมีเสถียรภาพมากขึ้นในอนาคตหลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลสลายขั้วการเมืองต่างๆ ที่มีความเห็นแตกต่างกันโดยที่ความขัดแย้งทางการเมืองน่าจะคลี่คลายลง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ
อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามในตะวันออกกลางที่อาจยืดเยื้อบานปลาย ตลอดจนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่อาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งส่งผลลบต่อการส่งออกของไทยทำให้การส่งออกในช่วงนี้หดตัวลง และมีผลกระทบในเชิงลบต่อกำลังซื้อของประชาชนในทุกภูมิภาค