สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ออกประกาศเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคใต้ ฉบับที่ 4 หลังพบลมตะวันออกพัดปกคลุมอ่าวไทย ประกอบกับ มี หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศมาเลเซีย ทำให้บริเวณภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง เบื้องต้นประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำด้วยฝนคาดการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) โดยมีพื้นที่เสี่ยงบริเวณภาคใต้ต้องเฝ้าระวังช่วงวันที่ 14 – 18 พฤศจิกายน คือ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในจังหวัดชุมพร บริเวณอำเภอเมืองชุมพร ปะทิว และหลังสวน // ระนอง บริเวณอำเภอเมืองระนอง กระบุรี ละอุ่น กะเปอร์ และสุขสำราญ // สุราษฎร์ธานี บริเวณอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี ท่าชนะ ไชยา พุนพิน กาญจนดิษฐ์ ดอนสัก บ้านนาสาร เกาะสมุย และเกาะพะงัน // นครศรีธรรมราช บริเวณอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ขนอม สิชล นบพิตำ ลานสกา ท่าศาลา ปากพนัง ชะอวด และหัวไทร // พัทลุง บริเวณอำเภอบางแก้ว ป่าบอน เขาชัยสน อำเภอเมืองพัทลุง และปากพะยูน // สงขลา บริเวณอำเภอระโนด สะทิงพระ สิงหนคร จะนะ สะเดา และเทพา // ปัตตานี บริเวณอำเภอเมืองปัตตานี หนองจิก และแม่ลาน // นราธิวาส บริเวณอำเภอเมืองนราธิวาส บาเจาะ ยี่งอ เจาะไอร้อง ตากใบ สุไหงโก-ลก และสุคิริน // ยะลา บริเวณอำเภอเมืองยะลา รามัน ยะหา และบันนังสตา พร้อมทั้ง เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 บริเวณ จังหวัดระนองและสุราษฎร์ธานี และอ่างเก็บน้ำที่มีสถิติปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าความจุเก็บกักที่มีความเสี่ยงน้ำล้นอ่างเก็บน้ำและส่งผลกระทบให้น้ำท่วมบริเวณด้านท้ายน้ำ
ทั้งนี้ สทนช. ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตรในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ พร้อมซ่อมแซมแนวคันบริเวณริมแม่น้ำ เร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ และวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม โดยปรับแผนระบายน้ำจากเขื่อนและประตูระบายน้ำ เพื่อพร่องน้ำและบริหารพื้นที่ลุ่มต่ำให้เป็นพื้นที่หน่วงน้ำลดผลกระทบจากปริมาณน้ำที่จะไหลหลากมายังบริเวณพื้นที่เสี่ยง