นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จัดสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 41 ระหว่างวันที่ 17 - 19 พ.ย. 2566 ได้ระดมความคิดเห็นจากหอการค้าทั่วประเทศจัดทำสมุดปกขาวเสนอนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดย มี 2 เรื่องสำคัญคือ ขณะนี้ประเทศไทยต้องมีการรีฟอร์ม หลังจากไทยเคยประสบความสำเร็จผ่าน Wave แรก สามารถสร้าง Eastern Seaboard Wave 2 เข้าสู่ยุคที่อุตสาหกรรมไทยเฟื่องฟู การส่งออกโดดเด่น และ Wave 3 การท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ 40 ล้านคน จนลดลงเหลือเพียง 4.2 แสนคนในปี 2564 เพราะการระบาดโควิด-19 ที่เพิ่งคลายตัว ทำให้เราไม่สามารถทำแบบเดิมได้แล้ว จะต้องมีการปฏิรูป (รีฟอร์ม) เศรษฐกิจและประเทศไทย
ผ่านข้อเสนอภาคเอกชน 2 ส่วนสำคัญ ได้แก่ ข้อเสนอเพื่อการเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน (Transform) ไปสู่การแสวงหาโอกาสและรูปแบบการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสมัยใหม่ในอนาคต คือ 1.เสนอยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของหอการค้า 5 ภาค ที่ได้รวบรวมประเด็นเชิงพื้นที่จากหอการค้าจังหวัดและภาคเอกชนทั่วประเทศ ผ่านการประชุมสัญจรและมีการจัดลำดับความสำคัญ เพื่อช่วยกันดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมตามความต้องการและความจำเป็นในแต่ละพื้นที่ และ 2.ข้อเสนอยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของหอการค้า 5 ภาค ที่ได้รวบรวมประเด็นเชิงพื้นที่จากหอการค้าจังหวัดและภาคเอกชนทั่วประเทศ ผ่านการประชุมสัญจรและมีการจัดลำดับความสำคัญ เพื่อช่วยกันดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมตามความต้องการและความจำเป็นในแต่ละพื้นที่
โดยมีประเด็นสำคัญที่อยู่ในสมุดปกขาว 4 ประเด็น ได้แก่ 1.ประเทศไทยต้องยกระดับ Innovation Digital และนำเทคโนโลยี มาเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสิ่งประเทศไทยยังขาดอยู่ จึงเสนอให้ภาครัฐยกระดับมาตรการ Talent immigration policy เพื่อดึงดูดคนต่างชาติที่เก่งเข้ามาทำงานและอยู่อาศัยในประเทศไทย เพื่อให้เกิดการสร้างงาน รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีและทักษะสมัยใหม่ โดยรัฐบาลควรมีมาตรการ Incentive ที่เหมาะสม อาทิ การอำนวยความสะดวกเรื่องวีซ่า และ Work permit มาตรการทางภาษี มาตรการพำนักอยู่อาศัยที่เหมาะสม2.นโยบายเพิ่มจำนวนประชากรและพัฒนาประชากรให้มีคุณภาพ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลก พร้อมเป็น Global Citizen ที่มีคุณภาพ3.จากการสัมมนาในครั้งนี้ ได้รับฟังเสียงจากผู้ประกอบการถึงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วประเทศ โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่มีความเดือดร้อนมาก รัฐบาลจึงควรสนับสนุนเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยให้ธุรกิจเอสเอ็มอีฟื้นตัว ควบคู่ไปกับแก้ไขปัญหาหนี้เอสเอ็มอี สร้างโอกาสให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างเป็นระบบ
และ 4.ผลักดันโครงการพัฒนาเมืองรอง 10 จังหวัด เป็นเมืองหลัก ซึ่งจะเป็นโมเดลต้นแบบความร่วมมือภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ เกิดการยกระดับรายได้และลดความเหลื่อมล้ำให้กับประเทศไทย ในสัปดาห์ถัดจากนี้ จะมีการหารือร่วมกับภาครัฐ ในการคัดเลือกเมืองรองทั้ง 10 จังหวัดนำร่อง เพื่อพัฒนาให้เป็นจังหวัดท่องเที่ยวเมืองหลักให้ได้ ที่มองไว้ อาทิ จังหวัดตาก และสระบุรี เนื่องจากภาคเอกชนมีความเข้มแข็ง ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเบื้องต้นออกมา