นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า อสม. เป็นจิตอาสาที่อยู่เคียงข้างดูแลสุขภาพประชาชนในชุมชนอย่างใกล้ชิด ทั้งในภาวะปกติและยามวิกฤต และยังเป็นกลไกในการขับเคลื่อนงานด้านสุขภาพภาคประชาชนที่มีความสำคัญเป็นรากฐานที่แข็งแรงของระบบสาธารณสุขไทย เพื่อเป็นการสนับสนุน เสริมสร้างกำลังใจให้กับ พี่น้อง อสม. ทั่วประเทศ
ให้สอดคล้องกับบทบาทหน้าที่ของ อสม. ที่เพิ่มขึ้น กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สิทธิประโยชน์อื่นของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน พ.ศ. 2566 เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงาน และป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ของ อสม. จากองค์กรภาคเอกชน ซึ่งประกาศฯ ดังกล่าว ได้กำหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการพิจารณาสิทธิประโยชน์สำหรับ อสม.หรือบุตรโดยชอบธรรมตามกฎหมาย ไว้ 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.ด้านการศึกษา หรือการพัฒนาศักยภาพ โดยองค์กรหรือหน่วยงานที่จะเข้ามาสนับสนุนสิทธิประโยชน์อื่นให้แก่ อสม. ต้องมีลักษณะเป็นการให้เปล่าที่ไม่มีข้อจำกัดหรือเงื่อนไขใดๆ ผูกมัด การเสริมสมรรถนะในการปฏิบัติงานหรือพัฒนาศักยภาพโดยต้องไม่ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของ อสม. 2.ด้านสุขภาพ องค์กรหรือหน่วยงานให้การประกันภัย โดยมีระยะคุ้มครอง อย่างน้อย 3 เดือนนับตั้งแต่วันลงทะเบียน สิทธิด้านการบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข และ3.ด้านบริการ สินค้าอุปโภค บริโภค วัสดุอุปกรณ์ หรือทรัพยากรอื่น จะต้องเป็นการให้โดยไม่มีข้อจำกัดหรือผูกมัด และเป็นสินค้า หรือบริการในราคาที่ต่ำกว่าที่มีการให้บริการทั่วไป
ด้าน นพ.สามารถ ถิระศักดิ์ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ องค์กรหรือหน่วยงานที่สนใจ หรือมีความประสงค์ให้สิทธิประโยชน์แก่ อสม. สามารถยื่นคำขอมายังกรม สบส.ได้ โดยจะมีคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรอง สิทธิประโยชน์อื่นสำหรับ อสม. ก่อนเสนอคณะกรรมกลางพิจารณาให้ความเห็นชอบ เมื่อผ่านการพิจารณาแล้ว กรม สบส. จะทำบันทึกข้อตกลงร่วมมือระหว่างองค์กรผู้ให้สิทธิ นอกจากนี้ องค์กรผู้ให้สิทธิ ต้องมีการกำกับ ติดตาม และรายงานผลการดำเนินงานตามโครงการร่วมกับกรม สบส. ทุกๆ 3 เดือน พร้อมทั้งมีสรุปรายงานผลการดำเนินงานให้คณะอนุกรรมการทราบ ภายใน 30 ก.ย. ของทุกปี สำหรับวิธีการรับสิทธิของ อสม. สามารถรับสิทธิประโยชน์ ผ่านบัตรประจำตัว อสม. บัตรสะสมผลงาน หรือผ่านแอปพลิเคชัน สมาร์ท อสม. หรือช่องทางอื่นที่คณะกรรมการกลางกำหนด