ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อบต.หนองปากโลง อ.เมือง จ.นครปฐม ชาวบ้าน ต.ลำพยา ต.หนองปากโลง ประมาณ 200 คน รวมตัวกันล่ารายชื่อเพื่อเรียกร้องขอให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้แก้ปัญหาการจราจรจุดตัดข้ามทางรถไฟกระดีเดียว ต.หนองปากโลง อ.เมือง จ.นครปฐม หลังเมื่อเดือนตุลาคม 2566 ได้ปิดป้ายประกาศพร้อมนำแท่งแบริเอ่อร์ปูนมาปิดกั้น ไม่ให้ชาวบ้านสัญจรข้ามทางรถไฟบริเวณจุดดังกล่าว แต่ขอให้เปลี่ยนเส้นทาง ไปขึ้นสะพานข้ามทางรถไฟแทน ซึ่งห่างไปประมาณ 1 กม. สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน คนเฒ่าคนแก่ พ่อค้าแม่ค้าที่เข็นรถสาลี่ และผู้ที่ต้องปั่นจักรยานขึ้นสะพาน หลายรายแอบมุดแผงกั้น ยอมหิ้วจักรยานข้ามทางรถไฟ ดีกว่าไปใช้ทางข้ามสะพานซึ่งเสียเวลาแล้วยังต้องเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุอีก
ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจาก การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ติดป้ายประกาศ มีความจำเป็นต้องปิดการจราจรและยกเลิกใช้ทางผ่านเสมอระดับที่ กม.51+450.00 ถนนทางข้ามรถไฟกระดีเดียว ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 และขอให้ไปใช้เส้นทางสะพานข้ามทางรถไฟ ที่ กม.51+304 แทน
ด้าน นายสมชาย ทำกินรวย อดีตกำนัน ต.หนองปากโลง ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า สาเหตุที่ ชาวบ้านมาประชุมรวมตัวกันสืบเนื่องมาจากการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ติดป้ายประกาศ มีความจำเป็นต้องปิดการจราจรและยกเลิกใช้ทางผ่านเสมอระดับที่ กม.51+450.00 ถนนทางข้ามรถไฟกระดีเดียว ตั้งแต่เดือน ต.ค 2566 และขอให้ไปใช้เส้นทางสะพานข้ามทางรถไฟ ที่ กม.51+304 แทน ทำให้ชาวบ้าน ต.ลำพยาและ ต.หนองปากโลง รวมถึงตำบลวังตะกูซึ่งอยู่ใกล้เคียงก็รับผลกระทบ เพราะสองตำบล เป็นญาติมิตรพี่น้องกัน จำเป็นต้องไปมาหาสู่กัน ทำให้วิถีชีวิตต้องเปลี่ยนไป ชาวบ้านไม่อยากไปขึ้นสะพาน เพราะกลัวเกิดอุบัติเหตุเพราะเป็นทางสวนกัน
ดังนั้น จุดประสงค์ของชาวบ้าน เขาต้องการทางลอดใต้ทางรถไฟ ให้มอเตอร์ไซค์สามารถวิ่งลอดได้ ร้องขอให้การรถไฟแก้ปัญหาทำทางลอดแต่กลับปฎิเสฐ เพราะไม่มีในแผน ร้องขอให้ อบต.พื้นที่ช่วย ก็ไม่สามารถเบิกงบได้เพราะเป็นส่วนพื้นที่ของการรถไฟ ชาวบ้านไม่รู้จะพึ่งหน้าไปหาใคร จึงวอนให้หน่วยงานหรือผู้นำพื้นที่เข้ามาช่วยหางบสร้างทางลอดใต้ทางรถไฟในครั้งนี้
ขณะเดียวกัน กรมทางหลวงได้เข้ามาช่วย แก้ไขทางขึ้นลงสะพานข้ามทั้งสองฝั่ง โดยปรับเปลี่ยนการจราจร แบบเดินรถทางเดียว one way บนทางหลวงชนบทสาย นฐ.(1048 ) ซึ่งจะเริ่มใช้ในวันที่ 25 ธันวาคมนี้