MEA "เนรมิตพหลโยธิน ถนนสวยไร้เสาสาย" มุ่งมั่นปรับปรุงส่งเสริมภูมิทัศน์เมือง กทม. ให้สวยงาม ในโครงการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน ประชาชนมีความปลอดภัย เสริมสร้างความมั่นคงและเศรษฐกิจของประเทศ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานงาน "เนรมิตพหลโยธิน ถนนสวยไร้เสาสาย" พร้อมด้วย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผู้แทนกรุงเทพมหานคร (กทม.) ผู้แทน บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการ-โทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) และผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) โดยมี นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง กล่าวรายงานผลความสำเร็จในโอกาสมอบของขวัญปีใหม่ 2567 ด้วยโครงการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินให้กับประชาชน ณ ตลาดจ๊อดแฟร์ (แดนเนรมิต) ถนนพหลโยธิน
นายอนุทิน กล่าวว่า โครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน เป็นหนึ่งโครงการสำคัญ ในนโยบาย 10 ด้านของกระทรวงมหาดไทย คือ ด้านการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัย เพราะโครงการสายไฟฟ้าใต้ดินนี้ นอกจากจะเพิ่มความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชนแล้ว ยังเพิ่มสภาพภูมิทัศน์และรักษาสิ่งแวดล้อมในเมืองให้สวยงามอีกด้วย โดยเฉพาะพื้นที่ที่ดำเนินการเสร็จแล้ว ล้วนเป็นพื้นที่สำคัญ อย่างเช่นในครั้งนี้ คือ โครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวในพื้นที่ ถนนพหลโยธิน ตั้งแต่ แยกถนนงามวงศ์วาน ถึง ห้าแยกลาดพร้าว รวมระยะทาง 3.5 กิโลเมตร
สำหรับพื้นที่ ถนนพหลโยธิน MEA ได้เคยดำเนินโครงการสายไฟฟ้าใต้ดินสำเร็จแล้วเป็นระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร (ตั้งแต่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถึง ห้าแยกลาดพร้าว) และในครั้งนี้ได้ดำเนินการรื้อถอนเสาไฟฟ้าเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ แยกถนนงามวงศ์วาน ถึง ห้าแยกลาดพร้าว ระยะทางรวม 3.5 กิโลเมตร เพื่อเตรียมรองรับความต้องการใช้กระแสไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นและเสริมสร้างภูมิทัศน์ให้สวยงามยิ่งขึ้น ถือเป็นพื้นที่ ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ ความสำเร็จในครั้งนี้จึงส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน และภาพรวมของประเทศเป็นอย่างมาก หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ประสานงานร่วมกันทำให้โครงการสำเร็จตามแผนงาน เมื่อมีความร่วมมือจากทุกฝ่ายก็จะสามารถขับเคลื่อนโครงการดี ๆ แบบนี้ และสามารถต่อยอดไปสู่การร่วมกันพัฒนาระบบสาธารณูปโภคอื่น ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชนให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
"ขอแสดงความชื่นชมและขอบคุณการไฟฟ้านครหลวง กรุงเทพมหานคร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงาน กสทช. และ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ประสานการทำงานร่วมกันจนทำให้การดำเนินโครงการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินสำเร็จได้ตามแผนงานที่กำหนด ซึ่งเราจะได้ร่วมกันพุ่งเป้าขับเคลื่อนและต่อยอดไปสู่การร่วมกันพัฒนาระบบสาธารณูปโภคอื่น ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชนให้ดียิ่งขึ้นตลอดไป" นายอนุทินฯ กล่าวเพิ่มเติม
นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง กล่าวว่า การไฟฟ้านครหลวง (MEA) ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบไฟฟ้า ให้สามารถรองรับปริมาณความต้องการของประชาชน ทั้งในกรุงเทพฯ นนทบุรี และสมุทรปราการ ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทยได้อย่างเพียงพอ และให้มีความมั่นคงของระบบไฟฟ้า ปรับภูมิทัศน์ให้มีความสวยงาม และมีความปลอดภัยต่อประชาชนรองรับความเป็นมหานครแห่งอาเซียน ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย โดยแผนการด้านการดำเนินงานระบบจำหน่ายที่สำคัญคือการจัดทำแผนการนำสายไฟฟ้าอากาศลงใต้ดิน ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว บนถนนพหลโยธินรวมถึงโครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ถนนจรัญสนิทวงศ์ ตั้งแต่ ซอยจรัญ-สนิทวงศ์ 94/1 ถึง แยกท่าพระ รวมระยะทาง 11.4 กิโลเมตร มีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2567
ด้านแผนงานภาพรวมโครงการเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินของ MEA ในปัจจุบัน มีระยะทางดำเนินโครงการทั้งสิ้น 313.5 กิโลเมตร มีเป้าหมายก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในปี 2572 โดยขณะนี้ สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จรวม 62 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่สำคัญในถนนต่าง ๆ เช่น ถนนสีลม ถนนสุขุมวิท ถนนพหลโยธิน ถนนพญาไท ถนนพระราม 1 ถนนราชดำริ ถนนราชวิถี ถนนราชปรารภ ถนนศรีอยุธยา ถนนสวรรคโลก ถนนสาธุประดิษฐ์ และถนนสว่างอารมณ์ เป็นต้น ขณะเดียวกันมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 251.5 กิโลเมตร เช่น โครงการพระราม 3 โครงการรัชดาภิเษก และโครงการก่อสร้างตามแนวรถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ โดย MEA คาดว่า ภายในสิ้นปี 2566 จะมีระยะทางที่ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จเพิ่มขึ้นอีก 29.2 กิโลเมตร ทำให้มีระยะทางสายใต้ดินสะสมรวมทั้งสิ้น 91.2 กิโลเมตร
นอกจากนี้ MEA ยังได้นำเสาไฟฟ้าที่รื้อถอนไปใช้ในโครงการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ระบบนิเวศ ป่าชายเลนและการทำแนวป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง MEA’s Model อย่างต่อเนื่อง ณ ป้อมพระจุลจอมเกล้า ฐานทัพเรือกรุงเทพ จ.สมุทรปราการ และบริเวณชายฝั่งทะเลกรุงเทพฯ เขตบางขุนเทียน ช่วยเพิ่มการสะสมของตะกอนหลังเขื่อน ส่งผลให้ต้นกล้าและลูกไม้ ประเภทไม้โกงกาง รวมถึง พรรณไม้น้ำต่าง ๆ ที่อยู่หลังแนวป้องกันมีปริมาณหนาแน่นขึ้น และช่วยให้สัตว์น้ำนานาพันธุ์และนกนานาชนิด มีแนวโน้มการอยู่รอดเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม การบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานยังเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของโครงการสายไฟฟ้าใต้ดินอย่างมาก ซึ่ง MEA ได้ร่วมวางแผนการดำเนินงานร่วมกับ กทม. และ สตช. เพื่อลดผลกระทบทั้งในด้านแผนงานการก่อสร้างที่ไม่ซ้ำซ้อน ตลอดจนการดำเนินงานในช่วงวันหยุดเพื่อจำกัดผลกระทบการจราจรให้เหลือน้อยที่สุด โดยทั้งหมดยังคงอยู่บนมาตรการความปลอดภัยที่ MEA กำหนด นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือกับ NT และสำนักงาน กสทช. ร่วมนำสายสื่อสารลงใต้ดิน โดยการประสานความร่วมมือกับผู้ประกอบการสายสื่อสารร่วมดำเนินภารกิจดังกล่าวโดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับทั้งระบบไฟฟ้า และระบบโทรคมนาคมที่มั่นคง ตลอดจนสร้างทัศนียภาพที่สวยงามให้กับเมืองมหานครของเรา