“อภิรดี”สั่งดูแลสถานการณ์ราคาสินค้าในจังหวัดที่ประสบปัญหาน้ำท่วมอย่างใกล้ชิด ป้องกันไม่ให้สินค้าขาดแคลนและเกิดการฉวยโอกาส ย้ำหากฝ่าฝืนให้ดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด เผยให้เข้าไปดูแลเกษตรกรผู้ปลูกข้าว หากจำเป็นต้องเร่งเก็บเกี่ยว ให้ช่วยประสานรถเกี่ยวเข้าไปเกี่ยวและโรงสีเข้าไปรับซื้อ ส่วนภาคธุรกิจให้พิจารณามาตรการช่วยเหลือตามความเหมาะสม
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในและพาณิชย์จังหวัดในพื้นที่ๆ ประสบปัญหาน้ำท่วม ให้เข้าไปดูแลสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าขาดแคลน และดูแลพ่อค้าแม่ค้าห้ามไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาและกักตุนสินค้า จนสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน โดยหากพบว่ามีการฝ่าฝืนก็ให้ดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด โดยมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“ขอให้สำรวจสถานการณ์ราคาสินค้าด้วยว่า หากพื้นที่ใดมีปัญหาสินค้าขาดแคลน ให้เร่งประสานนำสินค้าจากพื้นที่ใกล้เคียงส่งสินค้าเข้าไปในพื้นที่ทันที และให้เตรียมความพร้อม หากน้ำลดแล้ว ให้ประสานเพิ่มปริมาณสินค้าที่จำเป็นต่อการทำความสะอาดบ้านเรือน เช่น ไม้กวาด ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นที่ อุปกรณ์วัสดุซ่อมแซมบ้านเรือน เพื่อให้ประชาชนได้ซื้อไปใช้ในการดูแลและซ่อมแซมบ้านเรือนด้วย”นางอภิรดีกล่าว
ทั้งนี้ ในระยะต่อไปให้เตรียมความพร้อมในการจัดธงฟ้า นำสินค้าอุปโภคบริโภค ที่จำเป็นต่อการ ครองชีพ เช่น ข้าวสาร ไข่ไก่ อาหารสำเร็จรูป น้ำตาลทราย และเครื่องนุ่งห่ม ลงไปจำหน่ายในพื้นที่ๆ ได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจจะปรับจากการจัดส่งรถธงฟ้าเคลื่อนที่ ซึ่งแต่เดิมจะเน้นการส่งเข้าไปยังพื้นที่ๆ ยังไม่มีร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ เพื่อให้ประชาชนใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐรูดซื้อสินค้า มาเป็นการขับตะเวนเข้าไปช่วยเหลือในพื้นที่ๆ ประสบภัยน้ำท่วมก่อน
นางอภิรดีกล่าวว่า สำหรับมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยเฉพาะสินค้าข้าวที่กำลังอยู่ใกล้จะเก็บเกี่ยว ให้เข้าไปติดตามดูว่ามีผลกระทบมากน้อยแค่ไหน และให้ประสานรถเกี่ยวเข้าไปช่วยเกี่ยวข้าว และประสานโรงสีเข้าไปช่วยรับซื้อข้าว กรณีที่เกษตรกรจำเป็นต้องรีบเกี่ยวข้าว เพื่อหนีน้ำ
ส่วนการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ ได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า พิจารณามาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจในจังหวัดที่ประสบปัญหาอุทกภัย โดยให้พิจารณาตามความเหมาะสมว่าจะมีการขยายระยะเวลาทำธุรกรรมทางนิติบุคคล ทั้งการแจ้งบัญชีและเอกสารสูญหาย การส่งงบการเงิน การยื่นจดทะเบียนนิติบุคคลหรือไม่