ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากรณีเฟซบุ๊คที่ใช้ชื่อ “เพชรธนาชัย บูรพา” ได้โพสต์คลิปภาพกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุตะลุมบอนตีกันนัวเนียอย่างชุลมุนบนเวทีหมอลำ พร้อมข้อความระบุว่า “เจ้าตีกันแล้วกระโดดขึ้นมาตีกันบนเวทีแบบนี้บ่ให้เกียรติศิลปินเลย เครื่องเสียงดนตรีเสียหาย บุคคลในภาพมารับผิดชอบด้วยนะครับ” หลังโพสต์คลิปภาพออกไปต่างมีชาวเน็ตแห่เข้ามากดไลค์ กดแชร์ แสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก อาทิ เกินไปแล้วแบบนี้, เถื่อนมาก, เครื่องดนตรีของผมผิดอะไร, เวทีหมอลำยิ่งกว่าเวทีมวย, เกินไปครับ น่ากลัวจัง, เอาอีกแล้วบ้านอาลัยไปทุกปีตีกันทุกครั้ง เป็นต้น
ต่อมา เมื่อ วันที่ 3 ม.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังเฟซบุ๊คดังกล่าว ทราบว่า ผู้โพสต์หรือเจ้าของเฟซบุ๊ค ชื่อนายปรีชา สายใจ อายุ 25 ปี ชาว อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นเจ้าของวงหมอลำ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 31 ธ.ค. 2566 คาบเกี่ยวคืนวันที่ 1 ม.ค. 2567 ซึ่งเป็นวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ได้ถูกจ้างให้ไปทำการแสดงที่บ้านอาลัย สถานที่เกิดเหตุ ต่อมาในช่วงกลางดึก ได้มีกลุ่มคนประมาณ 10 คน ได้ทะเลาะวิวาทและวิ่งขึ้นไปบนเวทีหมอลำของตน ชกต่อยกันบนเวที ทำให้เครื่องดนตรีคีบอร์ด และอุปกรณ์สายไฟ รวมมูลค่าประมาณ 3 หมื่นบาท ได้รับความเสียหาย จนต้องการแสดงในทันที หลังเกิดเหตุ ตนได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ. ประยูญ บุญยก รอง สว. (สอบสวน) สภ.กันทรารมย์ ไว้เป็นหลักฐานเพื่อจะได้ดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหายในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป จากนั้นตนจึงได้นำคลิปมาโพสต์ลงโซเชี่ยลเพื่อเตือนสติและตามตัวคนที่ร่วมก่อเหตุมารับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่โรงเรียนบ้านอาลัย ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน พบกับ นายกิตติ วงค์พุฒ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 15 บ้านอาลัย บอกว่า ในวันที่เกิดเหตุทางหมู่บ้านได้ร่วมกันจัดงานผ้าป่าสามัคคีเพื่อสมทบทุนในการจัดซื้ออุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬาและมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนโรงเรียนดังกล่าว ได้มีการแสดงดนตรีคอนเสิร์ตหมอลำซิ่ง พร้อมกับการแข่งขันชกมวยไทย ในคืนวันเค้าท์ดาวน์
ขณะที่ น.ส. ดาว (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า วันเกิดเหตุมีวัยรุ่น 2 กลุ่ม ต่างหมู่บ้านกัน เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน จึงเกิดเหตุทะเลาะวิวาทกันและอีกฝ่ายหนึ่งมาแค่คนเดียว วิ่งหนีกระโดดขึ้นบนเวทีหมอลำ กลุ่มคู่อริจึงกระโดดตามขึ้นไป จากนั้นได้รุมชกต่อยกันอย่างชุลมุน จนเวทีหมอลำกลายเป็นเวทีมวย ทำให้สิ่งของของเวทีหมอลำได้รับความเสียหาย จากนั้นผู้นำชุมชนหมู่บ้านจึงได้สั่งให้เลิกทำการแสดงในทันที เนื่องจากมีการตีกันมาตั้งแต่หัวค่ำแล้ว รวมจำนวน 4 รอบ
อย่างไรก็ตามเบื้องต้นทางคู่กรณีระหว่างเจ้าของวงหมอลำกับผู้ที่ก่อเหตุตะลุมบอนได้มีการนัดเจรจาไกล่เกลี่ยค่าเสียหายกันในวันที่ 5 ม.ค. 67 ที่ สภ.กันทรารมย์.