ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
การเมือง / การปกครอง ย้อนกลับ
3 รมต.เพื่อไทยทิ้งเก้าอี้ ส.ส.
07 ม.ค. 2567

      "ภูมิธรรม" การันตี "อุ๊งอิ๊ง" เหมาะสมนั่งนายกฯ แต่ไม่ใช่เวลานี้ เผยเคลียร์"ประภัตร" แล้ว ปมโหวตสวน"พรบ.งบฯ67" เจ้าตัวยันไม่มีเจตนา เชื่อผิดพลาดทางเทคนิค  ไทยสร้างไทย นัดถกผู้บริหารพรรค หลังฐากรไขก็อกเลขาฯ  ด้าน 3 รมต.เพื่อไทย "สมศักดิ์-สุริยะ-ประเสริฐ" ไขก๊อกส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เปิดทางคนรุ่นใหม่เสียบ ขณะที่ นิด้าโพลระบุเศรษฐานั่งนายกฯ ยาวตลอดทั้งปี

     เมื่อวันที่ 7 ม.ค.67 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์  ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า จะปรับอย่างไร และจะปรับทำไม ซึ่งตนได้ยินมาหลายเรื่อง ทั้งจะมีการปรับครม. และจะมีการปรับให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเพียงข่าวที่พูดมาอย่างต่อเนื่อง และในพรรคไม่เคยมีการพูดแบบนี้  แต่ยอมรับว่าน.ส.แพทองธารมีความเหมาะสม ไม่มีปัญหา เพียงเวลานี้จุดมุ่งหมายคืออยากให้รัฐบาลทำงานให้เข้มแข็ง ทำพรรคให้แข็งแรง เวลานี้เราใช้ยุทธศาสตร์ ของ 3 ขา ในการพัฒนาองค์กรของเราให้เข้มแข็ง คือสภาฯทำหน้าที่อย่างแข็งแรง  พิจารณาดูว่ามีกฎหมายอะไร ที่จะทำให้ประชาชน และลงพื้นที่ฟังเสียงของประชาชน

      ขณะที่ รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีได้นำการบริหารประเทศ จะเห็นได้ว่าใน 100 วัน ที่เกิดขึ้นนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีทุกคนทำงานอย่างหนักอย่างต่อเนื่อง และพรรคก็เป็นภารกิจของน.ส.แพทองธารที่พยายามจะปรับองค์กรจะเห็นว่ามีการดึงคนรุ่นใหม่เข้ามามาก เพื่อที่จะรับฟังเสียงสะท้อน และทำงานให้ตอบสนองคนรุ่นใหม่ๆ หรือเยาวชนต่างๆซึ่งจะเป็นอีกวัยหนึ่ง ส่วนคนที่มี ประสบการณ์ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ก็จะเป็นพี่เลี้ยง

       นอกจากนี้ พยายามดึงส่วนที่เป็นผู้บริหารจำนวนหนึ่ง เป็นคณะกรรมการบูรณาการทำงานร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย ตนเองก็อยู่ในคณะนี้ด้วย ดังนั้นน.ส.แพทองธารยังต้องการทำให้พรรคแข็งแรง แต่ว่าโดยการเป็นหัวหน้าพรรคก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้วว่ามีความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ก็คงต้องรอให้วาระถึง และตัดสินใจ ยังเหลือเวลาอีกยาวไม่ต้องรีบคิดตอนนี้ เพราะรัฐบาลนี้เพิ่งเริ่มต้นทำงานและคิดว่าจะอยู่ยาวให้ครบวาระ

       นายภูมิธรรม ยังได้กล่าวว่า ในวันที่ 8 ม.ค.นี้ เวลา 16.00 น. จะมีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ที่สภาฯ เพื่อเลือกประธาน และรองประธาน โฆษก และตำแหน่งต่างๆ อย่างไรบ้างให้ครบ แต่อยู่ที่ประชุมหารือกันว่าจะเป็นอย่างไร

      ส่วนที่มีส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลโหวตสวนนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เท่าที่ทราบมี นายประภัตร โพธสุธน ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา โดยได้พูดคุยกับ นายนิกร จำนง แกนนำพรรคแล้ว และหัวหน้าพรรค นายวราวุธ ศิลปอาชา ฝากขอโทษมา และเป็นห่วงเรื่องนี้

       ผมบอกกลับไปไม่เชื่อว่านายประภัตรจะโหวตสวน เพราะโดยความสัมพันธ์และเหตุผล ไม่รู้จะโหวตสวนไปเพื่ออะไร ขณะทีนายประภัตโทรมาบอกไม่มีเจตนา ตอนนั้นนั่งอยู่รวมกับส.ส.หลายคน ยืนยันกดเห็นด้วยทั้งหมด แต่ไม่แน่ใจว่าทำไมผลถึงออกมาเป็นแบบนี้ ซึ่งเช้าวันที่ 8 ม.ค.นายประภัตรจะไปยื่นหนังสือต่อสภาฯ ขอตรวจสอบว่ามีข้อบกพร่องหรือไม่ ผมไม่ติดใจอะไร ยืนยันความสัมพันธ์ดีต่อกัน อยากทำงานร่วมกันในการที่จะแก้ปัญหาร่วมกัน คิดว่าอาจจะเป็นความผิดพลาดทางเทคนิค ไม่น่าจะมีผลสะเทือนอะไรต่อการร่วมมือของพรรคร่วมรัฐบาล นายภูมิธรรม กล่าว

      ขณะที่มีส.ส.ฝ่ายค้านบางส่วนโหวตเห็นด้วยกับงบประมาณ นายภูมิธรรม ยืนยันว่า ไม่ได้ส่งสัญญาณอะไรกับรัฐบาล เพราะการโหวตของแต่ละพรรคในเรื่องของงบประมาณ ไม่จำเป็นว่าจะต้องสนับสนุนหรือคัดค้านหรือแยกฝ่ายกันทีเดียว ขึ้นอยู่กับว่าเป็นอำนาจของสส.หากเห็นว่าการโหวตงบประมาณเป็นประโยชน์ต่อประเทศ และพื้นที่ของเขา เขาก็มีสิทธิ์จะโหวต แต่ส่วนตัวไม่ได้ไปก้าวล่วง หรือรู้ว่า เขาคิดอย่างไร ไม่มีโอกาสได้หารือกัน หรือเข้าไปแทรกแซงพรรคร่วมฝ่ายค้าน ฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ของฝ่ายค้านฃ

       ด้าน น.อ.อนุดิษฐ์  นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยว่า  ในวันที่ 9 ม.ค.นี้ พรรคจะมีการประชุมผู้บริหารโดยจะทบทวนการทำงานที่ผ่านมา และพิจารณาแนวทางของพรรค เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์การโหวตสวนมติพรรคขึ้นอีก รวมทั้งจะรีบหารือร่วมกันว่าควรจัดให้มีการประชุมวิสามัญเพื่อเติมเต็มกรรมการบริหารพรรคให้เต็มตามข้อบังคับพรรค เพื่อการขับเคลื่อนพรรคต่อไปหรือไม่

      น.อ.อนุดิษฐ์ ยังกล่าวถึงกรณี นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการพรรค ยื่นหนังสือลาออกจากกรณีคุมเสียงส.ส.ในสภาไม่ได้ ว่า เรื่องส.ส.โหวตสวนมติพรรคร่วมฝ่ายค้าน ถือเป็นเรื่องน่าชื่นชมนายฐากรอย่างมาก  ซึ่งทางพรรคไม่ได้นิ่งนอนใจ จะให้กรรมการจริยธรรมของพรรค ดำเนินการไต่สวนเพื่อหาข้อสรุปและนำผลสรุปส่งกรรมการบริหารพรรคต่อไป

        ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย ว่า สัปดาห์หน้าที่จะถึงนี้จะมีรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อยื่นลาออกจากการเป็นส.ส.จำนวน 3 คน ประกอบด้วย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ ,นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพราะทั้ง 3 คนนี้แ น่ชัดแล้วว่าจะอยู่เป็นรัฐมนตรีจนจบสมัย จึงเปิดทางให้ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อเลื่อนขึ้นมาเป็นส.ส. 3 คน ในลำดับที่ 32-34 ประกอบด้วย น.ส.ละออง ติยะไพรัช น้องสาว นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา ,นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช ที่ปรึกษารมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และนายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ได้เข้าไปทำหน้าที่ในสภา

        ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ถือฤกษ์เวลา 09.09 น. นำสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม เพื่อขอพรในการเดินหน้าทำงานของพรรค ทั้งนี้ก่อนประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค นัดแรกอย่างเป็นทางการ นายเฉลิมชัย ให้สัมภาษณ์ ว่า การประชุมวันนี้จะมีการพูดคุยถึงแนวทางการทำงาน และสภาพปัญหาต่างๆ รวมถึงการแต่งตั้งคณะทำงานเพิ่มเติม รวมถึงกำหนดทิศทางการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ต่อจากนี้

       นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ขอให้รอดูการเปลี่ยนแปลงของพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะการประชุมสามัญประจำปีครั้งหน้า จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน จึงขอให้สื่อและประชาชนได้ติดตามในโซเชียลของพรรค จะเห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันนี้อย่างแน่นอน ส่วนการประชุมสภาในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ระหว่างวันที่ 3-5 ม.ค.ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าพรรคเป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็งและสมบูรณ์ ดังนั้นในฐานะฝ่ายค้านก็ต้องทำหน้าที่ปกป้อง ตรวจสอบรัฐบาล และพร้อมปกป้องผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่

         ขอฝากสื่อไปยังทุกข่าวทุกสื่อ เลิกพูดสักทีว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคอะไหล่ พรรคเล่นบทได้หลายอย่าง เลิกสักทีเถอะครับขอร้องเลย มาดูความตั้งใจของพรรคประชาธิปัตย์ การทำหน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้านในการอภิปรายงบประมาณ 67 ทุกคนทำหน้าที่อย่างเต็มที่ มีข้อเสนอแนะในสิ่งที่ประเทศชาติได้ประโยชน์ และต่อจากนี้จะทำหน้าที่อย่างเข้มข้น" นายเฉลิมชัย กล่าว

        ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ67 ที่พรรคประชาธิปัตย์สามารถคืนฟอร์มฝ่ายค้าน ถือเป็นผลงานของพรรคใช่หรือไม่ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า เป็นเจตนารมย์ของพรรคอยู่แล้ว ที่ส.ส.จะทำหน้าที่อภิปราย แต่ที่ผ่านมาถูกคนอื่นบิดเบือนจากความเป็นจริง ทั้งที่ส.ส.ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ทั้งส.ส. รุ่นเก่า และรุ่นใหม่ โดยเฉพาะส.ส.รุ่นใหม่ ที่มีบทบาทในการอภิปราย เพราะพรรคทำงานเป็นทีม โดยมีส.ส.รุ่นเก่าคอยเป็นพี่เลี้ยง ขอให้มั่นใจได้เลยว่า หลังจากนี้พรรคประชาธิปัตย์จะกลับมา ไม่ว่าจะทำหน้าที่อะไร ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่

        เมื่อถามพรรคไทยสร้างไทยที่มี ส.ส.งูเห่า 3 คน ลงมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 67 นายเฉลิมชัย กล่าวว่า  ก็เป็นเรื่องภายในพรรคที่ไปจัดการกันเอง แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่มี ซึ่งการลงมติของพรรคประชาธิปัตย์เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อถามว่า เป็นการสะท้อนความเป็นเอกภาพของพรรคหรือไม่ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ทุกคนก็เห็นอยู่แล้ว จากนี้ไปขอให้รอดูหลังมีการพูดคุยกับ นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ถึงแนวทางการทำงานหลังจากนี้ โดยเบื้องต้นนัดหารือในช่วงบ่ายของวันที่ 18 ม.ค.2567

        "อย่าลืมฝากไปบอกทุกคนด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์ทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ ก่อตั้งมา 77 ปี ย่างเข้าสู่ปีที่ 78 ไม่มีไปเป็นพรรคอะไหล่ ให้ใคร และไม่เคยเป็น" นายเฉลิมชัย กล่าว

        ด้าน ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพลสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า)เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่องการเมือง เศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตในปี 2567ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 12-20 ธ.ค.66 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการเมือง เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตในปี 2567

        จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองไทยโดยทั่วไป ในปี 2567 เมื่อเทียบกับปี 2566 พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 45.65 ระบุว่า สถานการณ์ทางการเมือง จะวุ่นวายเหมือนเดิม รองลงมา ร้อยละ 28.40 ระบุว่า สถานการณ์ทางการเมือง จะวุ่นวายมากขึ้น ร้อยละ 14.34 ระบุว่า สถานการณ์ทางการเมือง จะวุ่นวายน้อยลง ร้อยละ 6.95 ระบุว่า สถานการณ์ทางการเมือง จะไม่วุ่นวายเลย  และร้อยละ 4.66 ระบุว่า เฉย ๆ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

          ด้านความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับรัฐบาล นายกเศรษฐา ทวีสิน ในปี 2567 พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 39.16 ระบุว่า นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน จะอยู่ยาวตลอดทั้งปี รองลงมา ร้อยละ 20.46 ระบุว่า รัฐบาลนายกเศรษฐา ทวีสินจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี ร้อยละ 10.61 ระบุว่า จะมีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ ร้อยละ 8.40 ระบุว่า นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสินจะลาออก ร้อยละ 7.86 ระบุว่า นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน จะเปิดทางให้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีแทน ร้อยละ 6.79 ระบุว่า จะเกิดความแตกแยกในพรรคร่วมรัฐบาล และทำให้รัฐบาลล่ม ร้อยละ 4.20 ระบุว่า นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสินจะโดนชุมนุมขับไล่ ทำให้ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 2.14 ระบุว่า นายกเศรษฐา ทวีสินจะโดนคดีความทางการเมืองจนต้องหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 1.83 ระบุว่า รัฐบาลนายกเศรษฐา ทวีสิน จะโดนรัฐประหาร และร้อยละ 16.11 ระบุว่า เฉย ๆ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

         สำหรับความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจไทย ในปี 2567 เมื่อเทียบกับปี 2566 พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 35.65 ระบุว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะดีขึ้น รองลงมา ร้อยละ 31.22 ระบุว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ จะแย่เหมือนเดิม ร้อยละ 17.33 ระบุว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ จะแย่ลง ร้อยละ 13.66 ระบุว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ จะดีเหมือนเดิม และร้อยละ 2.14 ระบุว่า เฉย ๆ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ   

          ท้ายที่สุดเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตโดยทั่วไปในสังคมไทย ในปี 2567 เมื่อเทียบกับปี 2566 พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 31.98 ระบุว่า คุณภาพชีวิตโดยทั่วไปของคนในสังคมไทย จะดีขึ้น รองลงมา ร้อยละ 31.76 ระบุว่า คุณภาพชีวิตโดยทั่วไปของคนในสังคมไทย จะแย่เหมือนเดิม ร้อยละ 18.17 ระบุว่า คุณภาพชีวิตโดยทั่วไปของคนในสังคมไทย จะแย่ลง ร้อยละ 16.18 ระบุว่า คุณภาพชีวิตโดยทั่วไปของคนในสังคมไทย จะดีเหมือนเดิม และร้อยละ 1.91 ระบุว่า เฉย ๆ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...