โฆษกรัฐบาล เผยไทยมีศักยภาพและความพร้อมเป็นฐานการผลิตและการลงทุนในภูมิภาค ที่มีทั้ง supply chain โครงสร้างพื้นฐาน ความสามารถทางการแข่งขันที่พร้อม รวมถึงมีนโยบายส่งเสริม และสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน
วันนี้ (9 มกราคม 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศ มั่นใจไทยอยู่ในความสนใจของต่างประเทศ เชื่อว่ามีโอกาสเป็นที่ตั้งของโรงงาน เป็นฐานการผลิต อุตสาหกรรมระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าทั้งวงจรของบริษัทยักษ์ใหญ่ เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค และส่งออกไปทั่วโลก
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้ส่งเสริมการลงทุนให้กับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) 16 ราย เงินลงทุนรวมกว่า 39,500 ล้านบาท ทั้งจากผู้ผลิตรถยนต์รายเดิมจากญี่ปุ่น ที่เริ่มเปลี่ยนผ่านไปสู่รถ EV ผู้ผลิตรถยนต์จากยุโรป จีน รวมถึงบริษัทรถยนต์อื่นๆ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงาน หรือวางแผนเตรียมการผลิต โดยส่วนใหญ่จะเริ่มผลิตภายในปี 2567 โดย BOI ยังส่งเสริมการลงทุนให้กับ 17 บริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า เงินลงทุนรวม 11,700 ล้านบาท 14 บริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่ความจุสูง (High Density Battery) เงินลงทุน 12,000 ล้านบาท และ 18 บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนสำคัญของยานยนต์ไฟฟ้า เงินลงทุนรวม 5,970 ล้านบาท นอกจากนี้ กิจการสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Charging Station) ที่ถือเป็นอีก 1 ในระบบนิเวศของยานยนต์ไฟฟ้า ก็ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI อีกกว่า 11 บริษัท เงินลงทุนรวม 5,100 ล้านบาท
ทั้งนี้ ไทย พร้อมสนับสนุนและอำนวยความสะดวกการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่ง BOI ได้เร่งเดินหน้าดึงดูดการลงทุนภาคเอกชนสำคัญๆ ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอื่น ๆ ให้ตัดสินใจเข้ามาลงทุนเพิ่มเติม เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของโลก ซึ่งนอกจากจีน ที่มีผู้ผลิตรถยนต์หลายรายพร้อมเข้ามาลงทุนแล้ว รัฐบาล และ BOI ยังมุ่งดึงการลงทุนจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากทั่วโลก ทั้งจากสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ โดยนายกฯ ได้นำทีมประเทศไทยพบบริษัทรถยนต์ชั้นนำจากต่างประเทศ เพื่อแสดงศักยภาพของประเทศไทยที่จะเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคอาเซียน มีทั้ง supply chain และโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อม และครบวงจร รวมทั้งมีนโยบายส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์สันดาป ไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า EV ที่เอื้อต่อการลงทุนของต่างประเทศ
“นายกรัฐมนตรีมั่นใจไทยมีศักยภาพและความพร้อมเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมในระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าทั้งวงจร พร้อมเปิดรับและส่งเสริมการลงทุนของต่างประเทศในไทย เป็นไปตามวิสัยทัศน์ และความมุ่งมั่นให้ไทยเป็นศูนย์กลาง และผู้นำในภูมิภาค ควบคู่ไปกับนโยบายด้านพลังงานสะอาด เพื่อรักษาความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของภาคเอกชนระดับโลก” นายชัย กล่าว