“อปท.นิวส์โพล”เผยผลสำรวจคนไทยส่วนใหญ่ยังมองบวก ไม่เชื่อว่าประเทศกำลังเผชิญวิกฤติและปีมะโรงเศรษฐกิจจะดีขึ้น การกู้เงิน5แสนล้านบาทไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนแถมเพิ่มความเสี่ยง แต่ถ้าแจกเงินดิจิทัลหนึ่งหมื่นบาทก็รับเอาไว้ใช้จ่าย โดยรัฐบาลและพรรคการเมืองที่ออกนโยบายต้องร่วมกันรับผิดชอบ
นายชัยวัฒน์ วนิชวัฒนะ ผู้อำนวยการ อปท.นิวส์โพล และ รศ.ดร.ธนสุวิทย์ ทับหิรัญรักษ์ ที่ปรึกษา
ด้านวิชาการ ร่วมแถลงผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนระหว่างวันที่ 14-27 ธันวาคม 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปภายใต้หัวข้อ “ เงินดิจิทัล 10,000 บาท กู้มาแจกใครแบกหนี้ ”โดยได้ออกแบบสอบสำรวจโดยใช้ฐานข้อมูลจากบัญชีรายชื่อสอบถามความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างทั้งระบบออนไลน์และออฟไลน์พร้อมลงสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ตอบแบบสอบถามในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลจำนวน 1,328 คน เป็นชาย 650 คนหญิง 599 คน ไม่ระบุเพศ 79 คน
ในกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามดังกล่าวเป็นผู้มีอายุ 50ปีขึ้นไป 37.7% อายุ 20-30ปี 29.7% อายุ 41-50 ปี 18.4% อายุ 31-40 ปี 8.7% และต่ำกว่า 20ปี 5.6% ด้านการศึกษาส่วนใหญ่ระดับปริญญาตรี 52.8%สูงกว่าปริญญาตรี 28.9%ต่ำกว่าปริญญาตรี 18.3% โดยมีทั้งข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานบริษัทเอกชน ผู้ประกอบการอิสระ ข้าราชการบำนาญ ผู้เกษียณอายุ และนิสิตนักศึกษา
สำหรับคำถามสำคัญที่ว่าสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันถือว่าเป็นวิกฤติและมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องกู้เงิน 500,000 ล้านบาทเพื่อแจกเงินประชาชนหรือไม่ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง 31.5% รองลงมาไม่เห็นด้วย 29.5% เห็นด้วยว่าวิกฤติ 11.7% และเห็นด้วยอย่างยิ่ง 10.3% อีก 17 % เฉยๆ
เมื่อถามว่าเศรษฐกิจไทยปี 2567 จะดีขึ้นหรือไม่ ส่วนใหญ่ 34.9% ตอบว่าน่าจะดีขึ้น 29.5% ตอบว่าไม่แน่ใจ22.7% มองว่าน่าจะแย่ลง8.1% เชื่อว่าจะแย่แน่ๆสวนทางกับอีก 4.7% ที่มั่นใจว่าจะดีขึ้นมากจากประเด็นดังกล่าวทีมงานลงสัมภาษณ์เชิงลึกกับกลุ่มต่างๆที่เกี่ยวข้องเพื่อตอกย้ำคำถามนี้พบว่าประชาชนยังเชื่อมั่นว่าปี 2567 เศรษฐกิจน่าจะขยับไปในทิศทางที่นี้กว่าปี 2566 เพราะรัฐบาลน่าจะสามารถใช้งบประมาณได้แต่ไม่ควรให้ประชาชนเฝ้ารอนานเกินไป
ถามว่าอยากได้เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทหรือไม่ ส่วนใหญ่31.6% ตอบว่าเฉยๆ24.4% ตอบว่าอยากได้และอยากได้อย่างมาก 13.3% มี 15.4% บอกว่าไม่อยากได้อย่างมาก และไม่อยากได้ 15.2%
ถามต่อไปว่าถ้ามีการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จะรับหรือไม่ ผู้ตอบแบบสอบถาม40.7% ตอบว่ารับและรับทันที16% ไม่อยากรับเพราะไม่ต้องการ 13.2% ไม่อยากรับ 11.7% มีผู้ตอบเฉยๆ 18.3% โดยเมื่อรับเงินแล้วจะใช้หรือไม่ 41% ตอบว่าจะทยอยใช้และใช้ทันที 16.1% ไม่ใช้แต่จะเก็บออม 4.6% ที่เหลือ 18.6% ยังยืนยันว่าไม่ต้องการ และไม่ออกความเห็น 19.7%
ต่อคำถามที่ว่าการที่รัฐบาลชุดปัจจุบันจะกู้เงินเพิ่มอีก 500,000 ล้านบาท มาแจกประชาชนเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อประเทศหรือกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่64.2% ตอบว่าเพิ่มความเสี่ยง 16.9% กระตุ้นเศรษฐกิจไม่แน่ใจ 16% ไม่สนใจขอให้ได้เงิน 1.4 % ไม่เพิ่มความเสี่ยง 1.5 %โดยเฉพาะประเด็นนี้ทางคณะทำงานลงสัมภาษณ์เจาะลึกกลุ่มต่างๆทั้งกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า กลุ่มเยาวชน กลุ่มข้าราชการ/เจ้าหน้าที่ของรัฐ กลุ่มพนักงานเอกชนและกลุ่มอาชีพอิสระในประเด็นยอมรับได้ไหมที่คนไทยต้องแบกหนี้จากการที่รัฐบาลออก พรบ กู้เงินในครั้งนี้ ส่วนใหญ่เห็นพ้องตรงกันว่ายอมรับไม่ได้ที่จะต้องมารับหนี้จากรัฐบาลออก พรบ กู้เงินครั้งนี้ แต่หากออก พรบ กู้เงินควรมีความรอบครอบและโปร่งใสในการแจกเงินและต้องสร้างความเข้าใจต่อภาคสังคมให้มากกว่านี้
ถามว่าหนี้สินที่เพิ่มขึ้นใครควรรับผิดชอบ 38.4% ตอบว่าพรรคการเมืองที่ออกนโยบาย 30.9%ระบุว่ารัฐบาล12.4% รัฐสภาที่ผ่านกฎหมาย 11.2% ระบุประชาชนที่รับเงินต้องรับผิดชอบที่เหลือไม่แน่ใจ 7.1%สุดท้ายแล้วนโยบายแจกเงิน 10,000 บาทของรัฐบาลจะเป็นจริงหรือล้มเหลว ส่วนใหญ่51.2% ไม่แน่ใจ34.2% เชื่อว่าล้มเหลวแน่นอนแต่ 14.5% เชื่อว่าจะเป็นจริงเพราะรัฐบาลตั้งใจทำงาน
_______________________________________________________________________________________