ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแพทย์ปริพนท์ จุลเจิม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีขณะนี้ สถานการณ์อยู่ในระดับปานกลางจนถึงระดับที่เริ่มมีผลต่อสุขภาพ
สำหรับความร้ายแรงจากฝุ่นขนาดเล็กนี้คือ สามารถเข้าสู่ร่างกายจากหลอดลมไปหลอดเลือด และกระจายไปส่วนต่าง ๆ ทั่วร่างกายได้ หากได้รับเป็นระยะเวลานานจนเกิดการสะสมจะทำให้กระทบต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงได้แก่ เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคปอดเรื้อรัง ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ จะต้องระวังและป้องกันเป็นพิเศษ
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี จึงขอแนะนำการปฏิบัติตัวของประชาชนในการป้องกันตนเองจากฝุ่น PM 2.5 ด้วยการสวมหน้ากาก N95 ป้องกันฝุ่นเมื่อออกนอกบ้าน หากไม่มีให้สวมหน้ากากอนามัยได้ โดยต้องใส่ให้ถูกวิธี คือ คลุมจมูกลงมาถึงใต้คางและต้องแนบสนิทกับใบหน้า ให้ทำความสะอาดบ้านบ่อยๆ เพื่อลดการสะสมของฝุ่นภายในบ้าน หากหลีกเลี่ยงกิจกรรมนอกบ้านในบริเวณที่มีค่ามลพิษอากาศสูงขอให้หลีกเลี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ
ผู้ป่วยโรคปอดเรื้อรัง ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด และงดทำกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่น PM 2.5 เช่น การเผาขยะ การเผาหญ้า การจอดรถติดเครื่องยนต์ไว้เป็นระยะเวลานาน และหมั่นตรวจเช็คสภาพรถยนต์ให้อยู่ในสภาพปกติไม่ก่อควันดำ
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนสังเกตตนเอง หากพบว่ามีอาการผิดปกติของร่างกาย เช่น อาการไอเรื้อรัง แน่นหน้าอก ระคายเคืองตา คัดจมูก หายใจไม่สะดวก ผิวหนังเป็นตุ่มหรือผื่นนูนแดง ควรปรึกษาแพทย์ทันที และที่สำคัญควรติดตามข้อมูลข่าวสารด้านมลพิษทางอากาศเป็นประจำ เพื่อป้องกันฝุ่นละอองและความปลอดภัยต่อสุขภาพ ฝากเตือนช่วงนี้สภาพอากาศแห้งแล้ง ปัญหาฝุ่นละอองจะเกิดมากกว่าช่วงฤดูอื่น ปัญหาการเผา หรือไฟป่าในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ก็เริ่มทวีเกิดความรุนแรงขึ้น ดังนั้นต้องเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังและป้องกัน PM 2.5 เป็นพิเศษ //////////////////////////////////////////////////////////////////
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์ - รายงาน